PETPAL เตรียมเสนอขาย IPO ไม่เกิน 52,769,000 หุ้น หลัง ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง

เพิ่มศักยภาพขยายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดแห้งแบบเม็ดสำหรับแมวและสุนัขรับอุตสาหกรรมเติบโต ชูความเชี่ยวชาญวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยสูตรเฉพาะของบริษัทฯ

บมจ.เพ็ทพัล โปรดักส์ หรือ PETPAL เตรียมเสนอขาย IPO จำนวนไม่เกิน 52,769,000 หุ้น หลังสำนักงาน ก.ล.ต.นับหนึ่ง
ไฟลิ่ง เพิ่มศักยภาพขยายการลงทุนธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดแห้งแบบเม็ด รับแนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมปี 2567-2572 เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 5.52 ต่อปี ชูความเชี่ยวชาญการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยสูตรเฉพาะของบริษัทฯ

นายวสกร โมรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท เพ็ทพัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PETPAL เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดแห้งแบบเม็ดกว่า 10 ปี เนื่องจากเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมดังกล่าว โดยเป็นผู้รับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดแห้งแบบเม็ดสำหรับแมวและสุนัข (Dry Pet Food) ภายใต้แบรนด์ของลูกค้า (Original Design Manufacturer: ODM) พร้อมบริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา คิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การผลิต จัดเตรียมเอกสาร และจัดส่งสินค้า แก่ลูกค้าที่เป็นเจ้าของแบรนด์ระดับสากลและผู้ที่ต้องการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงของตนเอง รวมถึงมุ่งเน้นบริการที่ยืดหยุ่น โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอาหารสัตว์เลี้ยงทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน เพื่อคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าด้วยสูตรเฉพาะของบริษัทฯ พร้อมทั้งคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงและปลอดภัย โดยมีโรงงานอยู่ที่จังหวัดสระบุรี กำลังการผลิต 36,000 ตันต่อปี (ณ 31 ก.ย.2568) ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยและผ่านการรับรองมาตรฐานระดับประเทศและสากล อาทิ มาตรฐานการผลิตที่ดี (GMP), มาตรฐานระบบการจัดการและควบคุมความปลอดภัยของอาหาร (GHP/HACCP – Food Safe) มาตรฐาน HALAL ตามหลักศาสนาอิสลาม ฯลฯ

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ผลิตและจำหน่ายอาหารแมวและสุนัขชนิดเม็ดแบบแห้งภายใต้แบรนด์ของตนเอง (House Brand) เพื่อเพิ่มโอกาสขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ธุรกิจ และสามารถปรับตัวให้สอดคลัองกับสถานการณ์ตลาดที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยมีผลิตภัณฑ์รองรับตลาดทุกระดับ ได้แก่ (1) กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยม (Premium Grade) ผลิตจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพและคุณค่าทางโภชนาการสูง ได้แก่ อาหารแมวและสุนัขแบรนด์ Boom Gold และอาหารแมวแบรนด์ Animeals (2) กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับมาตรฐาน (Standard Grade) เน้นคุณภาพในราคาย่อมเยา ได้แก่ อาหารแมวและสุนัขแบรนด์ Boom อาหารสุนัข
แบรนด์ MYPETS และ (3) กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับประหยัด (Economy Grade) ที่คงคุณค่าทางโภชนาการขั้นพื้นฐานแก่สัตว์เลี้ยง ได้แก่ อาหารแมวและสุนัขแบรนด์ Smillie อาหารแมวแบรนด์ Cat Likes และอาหารสุนัขแบรนด์ Dog Likes

บริษัทฯ มีฐานลูกค้ากว่า 20 ประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย อาทิ บรูไน, อินเดีย, เกาหลีใต้, เมียนมา, อินโดนีเซีย ฯลฯ โดยมีฟิลิปปินส์และมาเลเซียเป็นตลาดส่งออกหลัก ซึ่งการเติบโตในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากการมุ่งพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง นำมาสู่การสร้างจุดแข็งของบริษัทฯ ได้แก่ (1) มีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและกระบวนการผลิตที่ได้รับรองมาตรฐานระดับสากล เน้นคุณภาพ ความปลอดภัย และความรับผิดชอบต่อสัตว์เลี้ยงอย่างเคร่งครัด (2) บริการที่ยืดหยุ่นและครบวงจร โดยทีมงานมืออาชีพเพื่อตอบสนองความต้องการของ SME และผู้ประกอบการรายใหม่ โดยมุ่งพัฒนาอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างตรงจุด ด้วยทีมงานภายในทั้งหมด (3) มีกลุ่มลูกค้ากระจายตัวหลายประเทศและทำการตลาดแบบ B2B และ B2C ทั้งในและต่างประเทศ จึงช่วยกระจายความเสี่ยงของฐานลูกค้า (4) อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มเติบโตช่วยสนับสนุนการขยายตัวของบริษัทฯ และ (5) มีทีมผู้บริหารรุ่นใหมที่มีวิสัยทัศน์ โดยผู้บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัทฯ มีเป้าหมายยกระดับคุณภาพ สารอาหาร โภชนาการ และคุณประโยชน์ของอาหารสัตว์เลี้ยงให้เทียบเท่าอาหารของมนุษย์

บริษัทฯ มั่นใจว่ายังมีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกนับจากปี 2567-2572 มีแนวโน้มเติบโต โดยข้อมูลจาก Fortune Business Insights คาดว่ามูลค่าตลาดรวมจะเพิ่มขึ้นจาก 126,660 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 193,650 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5.52 ต่อปี (CAGR) เนื่องจากการให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นสมาชิกภายในครอบครัว (Pet Humanization หรือ Pet Parents) และการเพิ่มขึ้นของกลุ่มคนและคู่รักรุ่นมิลเลนเนียลที่นิยมเลี้ยงสัตว์ก่อนมีลูกเพื่อเตรียมความพร้อม จึงให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและพร้อมใช้จ่ายเพื่อสัตว์เลี้ยง

นายวัฒนา โมรากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี การเงิน บริษัท เพ็ทพัล โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PETPAL กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งขยายตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดแห้งแบบเม็ดสำหรับแมวและสุนัขแก่ลูกค้าต่างประเทศและในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2567 ได้ขยายกำลังการผลิตจาก 26,400 ตันต่อปี เป็น 36,000 ตันต่อปี เพื่อตอบสนองดีมานด์และภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงที่เติบโตแข็งแกร่ง ส่งผลให้ปี 2565-2567 รายได้จากการขายของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 601.46 ล้านบาท เป็น 682.72 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 6.54% ต่อปี และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 41.40 ล้านบาท เป็น 66.20 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยต่อปี 26.45% ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปี 2568 มีรายได้จากการขาย 572.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.87% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 81.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.40% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยมาจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และรายได้จากการขายสินค้า House Brand ที่เพิ่มขึ้นเป็น 133.18 ล้านบาท เติบโต 64.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นางสาวนลิน วิริยะเสถียร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจาก บมจ.เพ็ทพัล โปรดักส์ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) สำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งแล้ว โดยปัจจุบัน บมจ.เพ็ทพัล โปรดักส์ มีทุนจดทะเบียน 75,384,500 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 150,769,000 หุ้น โดยทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วมีจำนวน 49,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 98,000,000 หุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 52,769,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 35 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยจะนำไปลงทุนขยายกำลังการผลิต ลงทุนขยายสายการผลิตสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง เช่น ฟรีซดราย (Freeze-dried) เพื่อพัฒนาต่อยอดเป็นอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดแห้งสูตรฟรีซดราย (Value-added kibbles) ชำระเงินกู้สถาบันการเงิน รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย