เนื่องในโอกาสครบรอบ 270 ปี Vacheron Constantin (วาเชอรอง คองสตองแตง) ได้จัดนิทรรศการ ‘The Quest: 270 Years of Seeking Excellence’ เสาะแสวงหาความเป็นเลิศด้านการประดิษฐ์นาฬิกากว่า 270 ปี ถ่ายทอดคุณค่าที่หล่อหลอมเป็นเอกลักษณ์ของ Vacheron Constantin มาตั้งแต่ปี 1755 พาย้อนอดีต เรียนรู้ปัจจุบัน และก้าวสู่อนาคตของเมซงไปด้วยกัน พร้อมกับแขกคนพิเศษอย่าง สกาย-วงศ์รวี นทีธร ที่มาร่วมสร้างความทรงจำอันน่าประทับใจ ณ Summer House บ้านปาร์คนายเลิศ

‘The Quest’ เปิดโอกาสให้ผู้เริ่มต้นและผู้หลงใหลศาสตร์นี้ได้ร่วมค้นพบเรื่องราวตลอด 270 ปี ผ่านนาฬิกา กลไก ส่วนประกอบ และเครื่องมือชั้นสูง ตอกย้ำแก่นแท้แห่งการจับเวลา พร้อมยกย่องมรดกที่เปี่ยมด้วยความหลงใหลซึ่งโดดเด่นด้วยนวัตกรรม ความเป็นครั้งแรกของโลก และสถิติอันทรงคุณค่า เผยให้เห็นหัวใจของเมซงที่ผสานความสมดุลทางเทคนิค วิศวกรรม วิสัยทัศน์ทางศิลปะ และงานฝีมืออันวิจิตรประณีต
‘The Quest: 270 Years of Seeking Excellence’ มอบความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับความหมายและปรัชญาของ แบรนด์ตั้งแต่ปี 1819 ในถ้อยคำ “Do better if possible, and that is always possible” ผ่านการเดินทางเชิงประสบการณ์ควบคู่การเรียนรู้ซึ่งถูกร้อยเรียงผ่านหัวข้อต่าง ๆ ได้แก่ The Beginning, Artistic Crafts and Finishes, High Watchmaking and Grand Complications และ The Quest
270 ปีแห่งประวัติศาสตร์
เมซงเกิดขึ้นในปี 1755 เมื่อ Jean-Marc Vacheron เซ็นสัญญากับผู้ฝึกงานคนแรกเพื่อแสวงหาความเป็นเลิศในการประดิษฐ์นาฬิกา ด้วยแรงขับเคลื่อนจากความหลงใหล ความเชี่ยวชาญ และความมุ่งมั่น ทำให้เมซงเติบโตจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งในโลกของนาฬิกาชั้นสูง ความเป็นเลิศไม่ใช่เพียงภารกิจ แต่เป็นเป้าหมายที่ท้าทายในทุก ๆ ด้าน ทั้งความชาญฉลาดทางกลไก นวัตกรรมทางเทคนิค และความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะ โดย Vacheron Constantin ได้ครองตำแหน่งพิเศษในหมู่เมซงนาฬิกาของสวิตเซอร์แลนด์ช่วงยุค Enlightenment (ยุคเรืองปัญญา) โดยคุณค่าที่แท้จริงของนาฬิกา Vacheron Constantin นั้น นอกจากกลไกทางวิทยาศาสตร์เแล้ว ยังเป็นความงดงาม งานฝีมือ และความประณีตในทุกรายละเอียดทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นอีกด้วย
The Beginning (จุดเริ่มต้น)
บทแรกของนิทรรศการเผยให้เห็นว่า การแสวงหาความเป็นเลิศของเมซงเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1755 ด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านเอกสาร ภาพถ่าย วัตถุโบราณ และนาฬิกาเก่าแก่จากคลังสะสมของ Vacheron Constantin รวมถึงสำเนาเอกสารการก่อตั้งเมซง และสัญญากับผู้ฝึกงานคนแรกของ Jean-Marc Vacheron นับตั้งแต่ก่อตั้ง เมซงได้แสดงความเชี่ยวชาญในการครองความลับแห่งการจับเวลา พร้อมกับผลักดันขอบเขตในการประดิษฐ์นาฬิกาอย่างต่อเนื่อง โดยมีหลักฐานเป็นบันทึกเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ เช่น การประดิษฐ์ Pantograph ในปี 1839 ซึ่งทำให้นาฬิกาที่ใช้คาลิเบอร์เดียวกันมีมาตรฐานเดียวอีกทั้งสามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนได้ และการสร้างนาฬิกา Kallista ในปี 1979 ที่แกะสลักจากทองแท่งน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ประดับเพชร 118 เม็ด น้ำหนักรวม 130 กะรัต
Artistic Crafts and Finishes (ศิลปะฝีมือและการตกแต่ง)
บทนี้ของนิทรรศการเป็นการให้เกียรติช่างฝีมือชายและหญิงที่อยู่เบื้องหลังการรังสรรค์นาฬิกาชิ้นเอกมากมาย โดยเน้นทักษะดั้งเดิมที่ทำให้เมซงมีชื่อเสียง นำเสนอผ่านเส้นสายความรู้ที่ยาวไม่สิ้นสุด สะท้อนถึงการเดินทางของเวลา ให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้เทคนิคโบราณต่าง ๆ เช่น การวาดภาพจิ๋ว การลงยาแบบ ‘Grisaille’ การแกะสลัก การฝังอัญมณี และแกะสลักลาย ‘Guilloché’ ซึ่งทั้งหมดนี้ยังคงได้รับการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
High Watchmaking and Grand Complication (การรังสรรค์นาฬิกาชั้นสูงและความซับซ้อนทางกลไก)
การจัดแสดงนาฬิกาชั้นสูงส่วนนี้เป็นพื้นที่สำหรับการสำรวจความประณีต และการค้นพบความล้ำหน้าของนาฬิกา Vacheron Constantin ช่วยขยายมุมมองให้เห็นความงดงามของกลไกและชิ้นส่วนขนาดเล็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ โดยประสบการณ์นี้จะสมบูรณ์ด้วยการเข้าสู่ใจกลางของนาฬิกาที่ซับซ้อนที่สุดในโลกที่เปิดตัวในปี 2024: Les Cabinotiers – The Berkley Grand Complication ประกอบจากชิ้นส่วน 2,877 ชิ้น รวมฟังก์ชันสุดละเอียดถึง 63 รายการ รวมถึงปฏิทินแบบจีนถาวรครั้งแรกของโลก
The Quest (การแสวงหา)
ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความสัมพันธ์ยาวนานหลายศตวรรษระหว่างดาราศาสตร์กับศิลปะการประดิษฐ์นาฬิกา ส่วนนี้เป็นบทสรุปที่ออกแบบมาให้ผู้ชมได้หยุดคิด ใคร่ครวญ และเริ่มต้นการสำรวจเส้นทางใหม่ของตนเอง ภายใต้ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ของทางช้างเผือกและจักรวาลอันไกลโพ้น เปิดประตูสู่ความลึกลับของจักรวาล การวัดเวลา และความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด ผู้ชมจะได้มีโอกาสสร้างเส้นทางเฉพาะตัว เลือกวันที่และสถานที่ใดก็ได้ เพื่อสร้างแผนที่ท้องฟ้าที่แม่นยำที่สุด ณ ขณะนั้น แผนที่นี้จะเป็นเครื่องเตือนใจถึงการเดินทางส่วนตัว อีกทั้งสะท้อนถึงความผูกพันลึกซึ้งระหว่างจักรวาลกับเวลา
จากจักรวาลอันกว้างใหญ่ไปจนถึงชิ้นส่วนเล็กที่สุดของนาฬิกา การวัดเวลายังคงเป็นการแสวงหาที่ Vacheron Constantin สืบทอดและพัฒนามาอย่างไม่หยุดยั้งยาวนานกว่า 270 ปี
นิทรรศการครั้งนี้เชิญชวนผู้เข้าชมออกเดินทางสู่โลกแห่งเรื่องราวอันทรงคุณค่า ถ่ายทอดความประณีต มรดกที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน และศิลปะแห่งการประดิษฐ์อันเหนือชั้นของเมซง นับเป็นโอกาสพิเศษที่จะได้สัมผัส Vacheron Constantin อย่างลึกซึ้ง และเก็บเกี่ยวความทรงจำอันน่าประทับใจ