แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย เข้าร่วมการอภิปรายในกิจกรรมคู่ขนาน “Time to act on sugars: advancing health equity and tackling noncommunicable diseases (NCDs) with a focus on oral diseases” ในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 80 (80th Session of the United Nations General Assembly: UNGA80) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งจัดโดยประเทศมาเลเซีย ไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และองค์การอนามัยโลกภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก และร่วมสนับสนุนโดยประเทศไทย อียิปต์ และฟิลิปปินส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการลดการบริโภคน้ำตาลอย่างเป็นระบบ และบูรณาการการป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและการดูแลสุขภาพช่องปาก

ทั้งนี้มีผู้บริหารระดับสูงจากหลายประเทศ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศร่วมอภิปราย อาทิ H.E. Dato’ Dr. Ahmad Faisal bin Muhammad เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรมาเลเซียประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก Prof. Mohamed Hassany ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประเทศอียิปต์ Dr. Gloria J. Balboa ผู้ช่วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประเทศฟิลิปปินส์ Asst. Prof. Nikolai Sharkov ประธาน FDI World Dental Federation และ H.E. Dr. Saia Ma’u Piukala ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก เป็นต้น
อธิบดีกรมอนามัยได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการลดการบริโภคน้ำตาลและการบูรณาการประเด็นสุขภาพช่องปากในการรับมือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยกล่าวว่าประเทศไทยกำลังดำเนินนโยบายตาม Bangkok Declaration on Oral Health ซึ่งมีมติรับรองในการประชุม WHO Global Oral Health ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อปี 2567 โดยมีแนวทางในการจัดการการบริโภคน้ำตาล 3 ด้าน ประกอบด้วย (1) การลดการบริโภคน้ำตาล ภายใต้การดำเนินโครงการ “หวานน้อยสั่งได้” (2) การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี เช่น โครงการเครือข่ายโรงเรียนเด็กไทยฟันดี ที่งดจำหน่ายน้ำอัดลม และเครื่องดื่มที่มีรสหวานมากในโรงเรียน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมโภชนาการอาหารกลางวัน และ (3) นโยบายการคลัง เช่น การเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล (Sugar-Sweetened Beverage: SSB) ซึ่งนอกจากจะเป็นมาตรการเพื่อลดการบริโภคน้ำตาลแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการปรับสูตรผลิตภัณฑ์ให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันของหลายภาคส่วนในการขับเคลื่อนการลดการบริโภคน้ำตาล เช่น โครงการเครือข่ายโรงเรียนเด็กไทยฟันดี ที่บูรณาการความร่วมมือระหว่างผู้บริหารโรงเรียน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนเพื่อส่งเสริมสุขภาพช่องปากในเด็ก รวมทั้งเครือข่าย “เด็กไทยไม่กินหวาน” ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของทันตแพทย์ กุมารแพทย์ นักโภชนาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร นักวิชาการ และ สสส. ส่งผลให้เกิดความสำเร็จของมาตรการต่างๆ เช่น โครงการหวาน้อยสั่งได้ เป็นต้น และที่สำคัญที่สุด คือการพัฒนาระบบบริการสุขภาพช่องปากให้เข้มแข็ง เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่จำเป็นได้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่การส่งเสริม การป้องกัน การรักษา ไปจนถึงการฟื้นฟู นำไปสู่การมีสุขภาพช่องปากและสุขภาวะที่ดีของทุกคน พร้อมกันนี้ ประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไอร์แลนด์ ได้กล่าวถึงมาตรการขับเคลื่อนการควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ดีต่อสุขภาพเด็ก (หวาน มัน เค็มเกินมาตรฐาน) ซึ่งประเทศไทยอยู่ระหว่างการขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวเช่นกัน
