กทม. เร่งให้ความรู้คนกรุงป้องกันไวรัสตับอักเสบ B แนะกลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีน

นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กทม. กล่าวถึงมาตรการเชิงรุกและการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ B เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยว่า ไวรัสตับอักเสบ B เป็นเชื้อไวรัสร้ายแรงที่สามารถทำให้เกิดตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง และร้ายแรงที่สุดคือ มะเร็งตับโดยพบว่า ผู้ป่วยมะเร็งตับส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 90 มีประวัติเคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B มาก่อน และยังพบว่าสามารถติดต่อกันได้ในหลายช่องทาง ทั้งการติดต่อจากแม่สู่ลูกขณะคลอด ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จากการใช้เข็มฉีดยา หรือเข็มเจาะสักร่วมกัน หรือจากการสัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันไวรัสตับอักเสบ B นอกจากจะหลีกเลี่ยงช่องทางการติดต่อเหล่านี้แล้ว การฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบ B ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B หรือมีปัจจัยเสี่ยงดังต่อไปนี้ แนะนำให้รับการตรวจคัดกรองโรค หรือรับวัคซีนป้องกัน ประกอบด้วย ผู้ที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 ผู้ที่เคยใช้สารเสพติดด้วยวิธีฉีด ญาติสายตรงมีประวัติเป็นโรคตับ เช่น ตับแข็ง มะเร็งตับ ผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ผู้ที่มีคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ B หรือซ C ผู้ที่เคยสักผิวหนัง เจาะหู ฝังเข็ม และผู้ที่เคยใช้อุปกรณ์บางชนิดร่วมกับผู้อื่น เช่น มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ เข็มฉีดยา

นอกจากนี้ สนพ. แนะนำสร้างเสริมสุขภาพที่ BKK WELLNESS CLINIC ในโรงพยาบาลสังกัด กทม. ทั้ง 11 แห่ง โดยสามารถรับบริการตรวจสุขภาพฟรี บริการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนตามความเสี่ยง พร้อมรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ B โดยประชาชนสามารถติดตามข้อมูลความรู้ด้านสุขภาพผ่านเว็บไซต์ สนพ. และเพจเฟซบุ๊ก “สำนักการแพทย์ กทม.” หรือปรึกษาเรื่องสุขภาพโทร HOTLINE 1646 สายด่วนสุขภาพ สนพ. ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. กล่าวว่า สนอ. ได้มีคำแนะนำสำหรับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B หรือหากยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ให้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ B โดยคนไทยทุกคนควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ B อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต โดยเฉพาะผู้ที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 ซึ่งอาจจะมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งตับสูงกว่าคนทั่วไป เพราะก่อนหน้านั้นยังไม่มีการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบ B ในเด็กแรกเกิดอย่างทั่วถึงและยังไม่มีวัคซีนในวัยเด็ก รวมถึงกลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ เช่น คนในครอบครัวเป็นพาหะไวรัสตับอักเสบ B กลุ่มคู่สมรส หรือคู่นอนของผู้ติดเชื้อ กลุ่มผู้ติดเชื้อ HIV หรือไวรัสตับอักเสบ C หญิงตั้งครรภ์ควรตรวจทุกคนในช่วงฝากครรภ์ เพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูก กลุ่มที่อาชีพเสี่ยงสัมผัสเลือด อาทิ บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ ผู้ดูแลผู้ป่วย และคนที่เคยได้รับเลือด หรือทำหัตถการ เช่น สัก เจาะ ในที่ไม่ได้มาตรฐาน เป็นต้น โดยทั่วไปแนะนำให้ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบ B 3 เข็ม เข็มที่ 1 สามารถฉีดได้เมื่อพร้อมตามสะดวก เข็มที่ 2 ฉีดห่างจากเข็มแรก 1 เดือน และเข็มที่ 3 ฉีดห่างจากเข็มแรก 6 เดือน ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันได้มากกว่าร้อยละ 90 และป้องกันการติดเชื้อได้ตลอดชีวิต ส่วนสิทธิประโยชน์ การฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบ B เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับเด็กแรกเกิดภายใต้โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ในผู้ใหญ่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง

ที่มา: กรุงเทพมหานคร