บมจ.สยามราชธานี หรือ SO เผยผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2568 ทำรายได้รวม 2,169.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.58% จากปีก่อน กำไรสุทธิอยู่ที่ 179.49 ล้านบาท โตแรง 89.60% จากการขยายฐานลูกค้าและบริหารต้นทุนมีประสิทธิภาพขับเคลื่อนธุรกิจด้วยโมเดล “Intelligent Outsourcing 9.0” ผสาน AI, Automation และ Data Analytics คาดไตรมาส 4/2568 ทรงตัวในระดับดีต่อเนื่อง พร้อมลูกค้าใหม่ทยอยเข้ามา ชี้ปัจจัยต้นทุนเทคโนโลยีลดลง หนุน SO สร้าง “Ecosystem of Intelligence” ยกระดับบริการสู่ความยั่งยืน

คุณกัณธิมา แจ้งวันสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO ประกอบการธุรกิจหลัก 2 รูปแบบเพื่อ Transformation องค์กรของลูกค้า คือธุรกิจบริการเอาท์ซอร์ส (Outsource Service) และธุรกิจบริการด้านเทคโนโลยี (Technology Service) เปิดเผยถึงผลดำเนินการสำหรับงวด 9 เดือนสิ้นสุด 30 กันยายน 2568 รายได้รวมอยู่ที่ 2,169.53 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2567 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,877.13 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 292.40 ล้านบาท หรือ 15.58% ด้านกำไรสุทธิ บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 179.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากงวดเดียวกันปี 2567 ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 94.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.82 ล้านบาท หรือ 89.60%
ซึ่งผลประกอบการที่มีการปรับตัวดีขึ้นจากการเติบโตของธุรกิจบริการเอาท์ซอร์สซิ่งและการขยายฐานลูกค้าองค์กรอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความต้องการใช้บริการเอาท์ซอร์สคุณภาพสูงในภาคธุรกิจไทยและภูมิภาค บริษัทสามารถบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมปรับโครงสร้างภายในให้คล่องตัวมากขึ้น อีกทั้งการต่อยอดบริการด้านเทคโนโลยีผ่านโมเดล “Intelligent Outsourcing 9.0” ซึ่งผสานการใช้ AI, Automation และ Data Analytics ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณค่าของบริการให้กับลูกค้า ส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม ขยายฐานลูกค้าใหม่ และสร้างผลกำไรเติบโตอย่างยั่งยืน
ด้านแนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2568 จะทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมีรายได้หลักจากธุรกิจบริการเอาท์ซอร์สยังคงเติบโตต่อเนื่องตามความต้องการของภาคเอกชนและองค์กรขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันบริษัทได้รับลูกค้าใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้ยังไม่มีสัญญาโครงการขนาดใหญ่เหมือนในปีก่อน แต่ฐานรายได้ประจำ (Recurring Income) ยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้บริษัทยังเดินหน้าปรับโครงสร้างต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยี RPA และ AI เข้ามาเสริมในกระบวนการปฏิบัติงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและรองรับการขยายตัวของลูกค้าโดยไม่เพิ่มภาระต้นทุน ส่งผลให้บริษัทมีแนวโน้มรักษาอัตรากำไรได้อย่างมั่นคงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมบริการเอาท์ซอร์สและเทคโนโลยีในประเทศไทยและภูมิภาคยังคงมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะด้านราคา แต่แนวโน้มกำลังเปลี่ยนจากการพึ่งพาแรงงานไปสู่การให้บริการเชิงกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและข้อมูล การเข้ามาของ AI และแนวคิด ESG ทำให้ลูกค้าให้ความสำคัญกับพาร์ทเนอร์ที่ปรับตัวได้เร็ว โปร่งใส และสร้างผลลัพธ์จริง ขณะที่ปัจจัยด้านค่าแรงขั้นต่ำและค่าเงินบาทไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนต้นทุนเทคโนโลยีมีแนวโน้มลดลงและมีศักยภาพสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินงานของบริษัท ในการสร้างระบบ Ecosystem of Intelligence ที่ผสานคน เทคโนโลยี และข้อมูลเพื่อยกระดับบริการอย่างยั่งยืน
Symbol: SO
