Carbon Markets Club ร่วมแลกเปลี่ยนและสนับสนุนความร่วมมืออาเซียน สู่การพัฒนาตลาดคาร์บอนที่เชื่อมโยง โปร่งใส และเปิดกว้าง

นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และประธาน Carbon Markets Club (CMC) ในฐานะหนึ่งในภาคีผู้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Collaboration: MoC) ภายใต้กรอบ ASEAN Common Carbon Framework (ACCF) ได้เข้าร่วมการประชุม ACCF Q4 Steering Committee Meeting พร้อมทั้งร่วมเสวนาในงาน Malaysia Carbon Market Forum (MCMF) 2025 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Empowering Regional Climate Actions through the ASEAN Common Carbon Framework” ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

การประชุม ACCF Q4 Steering Committee มีผู้แทนจากภาคีผู้ลงนาม รวมถึงผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจากประเทศมาเลเซียและระดับสากล ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและติดตามความคืบหน้าของแนวทางการดำเนินงานหลักภายใต้กรอบ ACCF โดยเน้นการเสริมสร้างความเชื่อมโยง ความโปร่งใส และการพัฒนาคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อสนับสนุนการทำงานของภาครัฐอาเซียนในการพัฒนาตลาดคาร์บอนระดับภูมิภาคให้มีความน่าเชื่อถือและเชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ดร. วิชชุวรรณ พึ่งเจริญ Head of Climate Solutions บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาประธาน CMC ได้เข้าร่วมประชุมทางออนไลน์ด้วย

สำหรับการประชุม MCMF 2025 ซึ่งจัดโดย Bursa Malaysia และได้รับเกียรติจาก Datuk Seri Johari Abdul Ghani รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพืชผลและสินค้าโภคภัณฑ์ และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติของมาเลเซีย เป็นประธานในพิธีเปิด โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมด้วยตนเองกว่า 460 คน และออนไลน์กว่า 100 คน นางกลอยตา ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ “ASEAN Common Carbon Framework: Advancing Collaboration for a Unified Carbon Market” กับผู้แทนจากภาคีผู้ลงนาม ได้แก่ Dr. Renard Siew ประธาน Malaysia Carbon Market Association (MCMA) Dr. Riza Suarga ประธาน Indonesia Carbon Trade Association (IDCTA) Mrs. Natalia Rialucky Marsudi รองประธาน ASEAN Alliance on Carbon Markets (AACM) Mr. Anshari Rahman ผู้แทน Singapore Sustainable Finance Association (SSFA) โดยมี Mrs. Ginggay Hontiveros-Malvar ประธาน Aboitiz Foundation Inc. ประเทศฟิลิปปินส์ รับเชิญร่วมเสวนา และมี Mrs. Joy Foo จาก BloombergNEF เป็นผู้ดำเนินรายการ

ผู้ร่วมเสวนาได้ร่วมกันเสนอแนวทางการขับเคลื่อนความร่วมมือภายใต้กรอบ ACCF ที่รวมถึงการพัฒนาโครงการนำร่องระดับภูมิภาคและกระตุ้นให้ผู้ซื้อคาร์บอนเครดิตเข้ามามีบทบาทเชิงรุกมากขึ้น แม้ว่ากิจกรรมด้านคาร์บอนในภูมิภาคจะขยายตัวต่อเนื่อง แต่ความต้องการซื้อคาร์บอนเครดิตยังคงจำกัด โดยมีสิงคโปร์เป็นผู้ซื้อหลัก ขณะที่ประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซียมีศักยภาพสูงในฐานะผู้พัฒนาคาร์บอนเครดิต จึงได้มีการเสนอแนวทางเชื่อมโยงอุปสงค์และอุปทานระหว่างประเทศในอาเซียน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตลาดคาร์บอนในภูมิภาค

นางกลอยตาได้สะท้อนมุมมองว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ของภูมิภาคที่เริ่มมีการซื้อขายคาร์บอนเครดิต T-VER ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนากลไกตลาดคาร์บอนของประเทศ และเป็นพื้นฐานสำคัญต่อการขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายประเทศในอาเซียนได้เริ่มพัฒนาและทดลองใช้กลไกราคาคาร์บอน เช่น ระบบซื้อขายสิทธิ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS) และภาษีคาร์บอน เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย Net Zero อย่างไรก็ดี การรับรู้ของสาธารณชนยังคงเป็นความท้าทายสำคัญ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความเข้าใจและการมีส่วนร่วมในประเด็นดังกล่าว ซึ่งหากสามารถยกระดับความตระหนักรู้ได้ในวงกว้าง จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาในด้านอื่น ๆ ต่อไป

นอกจากนี้ นางกลอยตาได้กล่าวถึงบทบาทของเทคโนโลยีดิจิทัลว่า ประเทศไทยได้เริ่มดำเนินการแปลงคาร์บอนเครดิตเป็นโทเคน (Tokenization) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มมูลค่า ความโปร่งใส และความปลอดภัยในการซื้อขาย และหากสามารถผลักดันแนวทางนี้ในระดับภูมิภาค จะสร้างโอกาสให้อาเซียนก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลด้านคาร์บอนเครดิตได้

การขับเคลื่อนของ ACCF โดยภาคเอกชนถือเป็นการสนับสนุนภาครัฐของประเทศต่าง ๆ ในการเปลี่ยนเป้าหมายให้เป็นการปฏิบัติจริง เพื่อร่วมกันสร้างตลาดคาร์บอนอาเซียนที่เชื่อมโยง โปร่งใส และเปิดกว้าง ซึ่งจะนำไปสู่การเชื่อมต่อกับตลาดคาร์บอนในระดับนานาชาติ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการทั่วโลกได้ในอนาคต

ที่มา: บางจาก คอร์ปอเรชั่น

Symbol: BCP