กลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Sustainable Living Destination ยกระดับมาตรฐานการใช้ชีวิต สู่ความยั่งยืนในทุกมิติ

กลุ่มเซ็นทรัลและบริษัทในเครือ มุ่งมั่นขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างบูรณาการควบคู่กับการพัฒนาธุรกิจในทุกมิติ ภายใต้แนวทาง Sustainable Living Destination เพื่อเป็นต้นแบบของระบบนิเวศการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพและยั่งยืนร่วมกับทุกชุมชน ที่สร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบ พัฒนา และบริหารจัดการพื้นที่ให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ตั้งแต่ภายในอาคาร ผ่านระบบที่คำนึงถึงคุณภาพอากาศ น้ำ และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า สู่ภายนอกอาคาร ครอบคลุมพื้นที่สีเขียว ระบบจัดการน้ำเสีย และการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ สอดคล้องตามเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593

พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN และบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL/เซ็นทารา ยึดมั่นในบทบาทองค์กรที่เติบโตเคียงคู่สังคมและสิ่งแวดล้อม การพัฒนา Sustainable Living Destination จึงไม่ใช่เพียงการปรับปรุงโครงสร้างทางกายภาพ แต่คือการสร้างระบบนิเวศแห่งการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ ที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างรับผิดชอบ และดูแลโลกใบนี้ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน เราจะเดินหน้าผสานพลังจากทุกกลุ่มธุรกิจเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero และสร้างต้นแบบองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืนในระดับสากล

ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน Sustainable Living Destination ครอบคลุมตั้งแต่ การออกแบบและบริหารจัดการอาคารตามหลักอาคารสีเขียว (Green Building) โดยเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน การนำระบบอัจฉริยะ (Smart Systems) มาบริหารจัดการพลังงาน เช่น ระบบแสงสว่างและระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูง และการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดผ่านการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำและของเสียด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ก่อนจะขยายผลสู่ พื้นที่โดยรอบ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์ผ่านการเพิ่มพื้นที่สีเขียว พื้นที่สาธารณะ และส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เราจะเดินหน้าผสานพลังจากทุกกลุ่มธุรกิจในเครือ และพันธมิตรเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero และเป็นต้นแบบองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืนในระดับสากล”

กลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือ มุ่งพัฒนาและบริหารจัดการด้าน Sustainable Living Destination รวมถึงพื้นที่โดยรอบ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ดังนี้

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกอย่างยั่งยืน ด้วยการบูรณาการความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการ โดยมีเป้าหมาย อย่างต่อเนื่อง โดยมีผลลัพธ์ด้านต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ

ด้านการจัดการพลังงานและพลังงานสะอาด

  • ในปี 2567 เซ็นทรัล รีเทล ได้ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์แล้วทั้งหมด 171 แห่ง โดยในประเทศไทยมีการติดตั้งโซลาร์เซลล์จำนวน 137 แห่ง ครอบคลุมหน่วยธุรกิจได้แก่ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ท็อปส์ ซูปเปอร์มาร์เก็ต โก โฮลเซลล์ ไทวัสดุ รวมไปถึง การติดตั้งโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะ ทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการติดตั้งไปแล้ 34 สาขา และภายในปี 2568 นี้จะดำเนินการติดตั้งให้ครบทั้ง 27 สาขาทั่วประเทศ
  • โรบินสันไลฟ์สไตล์ มีโครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์สำหรับห้างสรรพสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งศูนย์การค้าแห่งแรกในประเทศไทยที่ติดตั้งระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) (แบตเตอรี่สำหรับแผงโซลาร์เซลล์) และมีความมุ่งมั่นในการใช้พลังงานสะอาด ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาของห้างสรรพสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายพลังงาน
  • เพาเวอร์บาย ติดตั้งระบบโซลาร์รูฟในคลังสินค้า เพิ่มการใช้พลังงานสะอาดด้วยการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้า สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 300 ตันต่อปี และลดค่าไฟฟ้าภายในคลังสินค้าลงได้ถึง 20%
  • เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล และโก โฮลเซลล์ ส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยมีการใช้ตู้เย็นประหยัดพลังงานและใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจำนวน 2,163 เครื่อง รวม 246 สาขา ซึ่งสามารถลดการพลังงานได้กว่า 17,485 เมกะวัตต์ชั่วโมง (62,946 จิกะจูล) ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 8,741 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

ด้านการจัดการน้ำและทรัพยากร

  • โรบินสันไลฟ์สไตล์ ได้มีการประเมินรูปแบบการใช้น้ำเพื่อดำเนินมาตรการลดการใช้น้ำและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำ โดยปี 2567 สามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 3,200 ลิตรต่อเดือนต่อสาขา พร้อมประหยัดค่าใช้จ่ายด้านทรัพยากรน้ำได้กว่า 5.6 ล้านบาทต่อปี

ด้านการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

  • ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และซูเปอร์สปอร์ต รณรงค์ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในห้างทั่วประเทศ อาทิ การสนับสนุนสินค้าที่มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รณรงค์ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเปิดพื้นที่สนับสนุนให้มีการจำหน่ายสินค้าชุมชนที่ผลิตจากวัสดุในพื้นถิ่น รวมไปถึงการประหยัดพลังงานขานรับกับเทรนด์การบริโภคอุปโภคในห้างฯ เช่น ที่จอดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพร้อม EV Charger การติด Solar Rooftop และการใช้ไฟ LED เพื่อลดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมในต่างประเทศ

  • เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเป็นหัวใจของกลยุทธ์ธุรกิจ โดยมุ่งสร้างคุณค่าในระยะยาว ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ผ่านการลดรอยเท้าทางสิ่งแวดล้อม การสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น และการพัฒนาระบบค้าปลีกอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืน สำหรับประเทศเวียดนามบริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีการจัดการพลังงานสมัยใหม่ เช่น ระบบ Free Water, Transform, Free Air และ ZCEP ซึ่งใช้การระบายอากาศตามธรรมชาติเพื่อสร้างความเย็น ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในทุกกระบวนการดำเนินงาน ในเดือนพฤษภาคม 2568 เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม สามารถประหยัดไฟฟ้าได้ถึง 22,685 เมกะวัตต์ชั่วโมง คิดเป็นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าประมาณ 4,697 ตัน สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทในการเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เป็นผู้นำรายแรกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกของไทย ที่ส่งเสริมการพัฒนาอาคารสีเขียวตามมาตรฐานทั้งในประเทศและสากล เช่น LEED, TREES, EDGE, WELL และ MEA Index พร้อมระดมทุนผ่าน ‘Green Bond’ และ ‘Sustainability-linked Bond’ รวมมูลค่ากว่า 21,000 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนโครงการมิกซ์ยูสที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในไทยและต่างประเทศ โดยมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในมิติ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ผ่านการใช้พลังงานสะอาดในทุกโครงการ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวไม่น้อยกว่า 10% การจัดตั้งศูนย์จัดการขยะกว่า 10 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ และการติดตั้ง EV Charger Hub ให้บริการจุดชาร์จรถไฟฟ้ากว่า 600 จุดจากเหนือจรดใต้ โดยมีโครงการต้นแบบที่สำคัญ ได้แก่:

  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัล กระบี่ ตั้งเป้าเป็นโครงการ Zero Carbon แห่งแรกของเซ็นทรัลพัฒนา พร้อมนำขยะทะเล แห อวน มาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบโครงการเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ และภูมิปัญญาท้องถิ่น
  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ศูนย์การค้า Low Carbon Mall แห่งแรกของไทย ลดการก่อให้เกิดโลกร้อน (GWP) ได้มากกว่า 50% ได้รับรองมาตรฐาน TREES ด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อมระดับประเทศ
  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 9 ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงาน โดยติดตั้งผ้าใบคลุมบางส่วนของหลังคา Skylight เพื่อช่วยลดความร้อนสะสมจากแสงแดดโดยตรง ลดระดับแสงและอุณหภูมิภายในอาคารได้ราวร้อยละ 10 พร้อมคงไว้ซึ่งการใช้แสงธรรมชาติอย่างเหมาะสม
  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครราชสีมา ได้รับรางวัล Thailand Energy Awards และ ASEAN Energy Award ประจำปี 2567 จากความโดดเด่นด้านการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอาคารออกแบบเพื่อการประหยัดพลังงาน ด้วยหลังคาโปร่งแสงในพื้นที่ส่วนกลางที่เปิดรับแสงธรรมชาติ เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวัน ใช้กระจก Low-E สองชั้นเพื่อลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอก และบริเวณด้านหน้าอาคารมีคลองสาธารณะกว้าง 25 เมตร ช่วยระบายความร้อนโดยธรรมชาติ พร้อมพื้นที่สีเขียวโดยรอบกว่า 21.9% ของพื้นที่เปิดโล่ง ช่วยลดอุณหภูมิ เพิ่มความร่มรื่น และส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL โดยโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ให้ความสำคัญกับการผสานแนวคิดความยั่งยืนเข้ากับประสบการณ์ของแขกผู้เข้าพักและการดำเนินงานของโรงแรม โดยมีกลยุทธ์หลักในการบริหารจัดการทรัพยากร อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และมุ่งสู่มาตรฐานสากล ดังนี้

  • ให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน โดยบำบัดน้ำเสียและตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำเป็นประจำ พร้อมรายงานโดยผู้ตรวจสอบภายนอก เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน ปี 2567 มีน้ำเสียผ่านการบำบัดรวม 1,424.82 เมกะลิตร พร้อมนำนวัตกรรม Aquamiser Machine มาใช้ในกระบวนการซักผ้าของโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ทำให้ประหยัดน้ำได้ร้อยละ 50 และ 13 โรงแรมในเครือเซ็นทารา ดำเนินการนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วและมีคุณภาพน้ำที่เหมาะสมมาใช้เพื่อรดน้ำต้นไม้ สามารถลดการใช้น้ำดีได้มากถึง 530.16 เมกะลิตร รวมทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายจากการซื้อน้ำประปา ตลอดจนปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคงความเชื่อมั่นของชุมชน
  • ให้ความสำคัญในด้านการดูแลรักษาความสะอาดพื้นที่รอบโรงแรม ในปี 2567 พนักงานของโรงแรมจำนวน 3,730 คนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้เข้าร่วมกิจกรรมเก็บขยะและทำความสะอาดพื้นที่รอบโรงแรม ทั้งบริเวณพื้นที่ชายหาด พื้นที่ทะเลทราย พื้นที่ใต้น้ำ รวมทั้งในแม่น้ำลำคลอง และพื้นที่ใกล้เคียง สามารถเก็บขยะได้ทั้งสิ้น 6,994 กิโลกรัม ลูกค้าที่มีความสนใจเข้าร่วม 221 คน ซึ่งกิจกรรมเก็บขยะช่วยให้ไม่มีขยะไหลลงสู่ทะเลไปทำลายที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตใต้น้ำหรือพื้นที่ชายหาด และลดการเสียชีวิตของสัตว์ป่าที่เกิดจากการกินขยะ เป็นทางหนึ่งที่ช่วยปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพได้
  • พร้อมทั้ง ส่งเสริมการเพิ่มประชากรสัตว์น้ำ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ทและวิลลา หัวหิน ดำเนินการปล่อยลูกปูม้าจำนวนประมาณ 10,000 ตัว ร่วมกับลูกค้าและพนักงาน 25 คน เป็นการสนับสนุนลูกพันธุ์ปูม้าวัยอ่อนจากธนาคารปูม้า เขาตะเกียบ เพื่อให้ประชากรปูม้าในพื้นที่ดั้งเดิมเพิ่มปริมาณมากยิ่งขึ้น โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ บางกอก พระนคร ได้พาพนักงานจำนวน 30 คน ร่วมปล่อยปูทะเล 30 ตัว สวนป่าชายเลน หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จังหวัดชลบุรี เพื่อเพิ่มประชากรปูทะเลในธรรมชาติและรักษาสมดุลของระบบนิเวศน์ในท้องทะเล

นอกจากนี้ โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารามุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

โดยปัจจุบันมีโรงแรม 11 แห่ง ได้รับการรับรองมาตรฐานโรงแรมสีเขียว (Green Hotel) จากกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม รวมถึงโรงแรม 4 แห่ง ได้รับตราสัญลักษณ์ Thailand Hotel Standard 2024-2026 จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าให้โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราทุกแห่ง ผ่านการรับรองความยั่งยืนด้านการท่องเที่ยวตามมาตรฐานสภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC) ภายในปี 2568 โดยในปี 2567 มีโรงแรม 39 แห่ง ผ่านการประเมินจากหน่วยงานทวนสอบที่ได้รับการรับรองจาก GSTC นอกจากนี้โรงแรมเซ็นทารา และเรสซิเดนซ์ เวสต์เบย์ โดฮา ได้รับการรับรองจาก Green Key ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ได้รับการรับรองมาตรฐาน Green Hotel Plus ซึ่งทั้งสองมาตรฐานดังกล่าว (Green Key และ Green Hotel Plus) เป็นมาตรฐานความยั่งยืนด้านการท่องเที่ยว ที่ได้รับการยอมรับในสถานะ GSTC-Recognized

บริษัท เซ็นทรัล เรสเตอรองส์ กรุ๊ป ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาและประยุกต์ใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการสำคัญ ได้แก่

  • Smart IoT Lighting ระบบจัดการแสงสว่างอัจฉริยะภายในพื้นปฏิบัติงาน Head Office โดยใช้การเปิด-ปิด ผ่าน Application เพื่อช่วยปิด-เปิด ระบบแสงสว่างได้แบบ Automatic และยังสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดได้ ควบคุมวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์จากส่วนกลาง
  • Smart IoT Air Condition ระบบควบคุมเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะที่ควบคุมการเปิด-ปิด ให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาและยังสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดได้ ลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • Smart Variable Speed Drive (VSD) เทคโนโลยีควบคุมความเร็วรอบมอเตอร์ให้เหมาะสมกับโหลดการทำงาน ลดพลังงานสูญเปล่าและยืดอายุการใช้งานเครื่องจักร พร้อมการมอนิเตอร์ข้อมูลแบบเรียลไทม์
  • Block Zone กลยุทธ์บริหารจัดการพื้นที่ร้านอย่างยืดหยุ่นด้วยการแบ่งโซนและปรับขนาดพื้นที่ให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและต้นทุนการดำเนินงาน

กลุ่มเซ็นทรัล เชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อน “Sustainable Living Destination” ไม่ได้เป็นเพียงเป้าหมาย แต่คือพันธสัญญาในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน สร้างสังคมที่น่าอยู่ และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พร้อมต่อยอดแนวคิด จาก Green Building สู่การพัฒนาเมืองสีเขียวในอนาคต เพื่อนำพากลุ่มเซ็นทรัลก้าวสู่เป้าหมายสูงสุดขององค์กร คือ การเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืน เคียงข้างสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล และเป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนระดับโลกอย่างแท้จริง

ที่มา: กลุ่มเซ็นทรัล

Symbol: CENTEL, CPN, CRC