ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารถจักรยานยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ คือยานพาหนะคู่ใจของคนไทยที่ช่วยให้การเดินทางคล่องตัว และประหยัดเวลา แต่สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของรถสักคัน การควักเงินก้อนใหญ่อาจไม่ใช่ทางเลือกที่สะดวกสำหรับทุกคน การขอสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ จึงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ฝันเป็นจริงได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม มือใหม่หลายคนมักสับสนกับประเภทของสินเชื่อ และขั้นตอนการเตรียมตัว จนเกิดความกังวลว่าจะกู้ไม่ผ่าน บทความนี้ เราขออาสาเป็นไกด์พาคุณไปทำความเข้าใจระบบไฟแนนซ์แบบเจาะลึก เพื่อให้คุณเตรียมตัวได้อย่างมั่นใจ และได้รถที่ถูกใจกลับบ้าน

แยกให้ออกก่อนกู้ ! สินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ มีกี่ประเภท?
ก่อนจะเดินเข้าไปยื่นเอกสาร สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจคือรูปแบบของสินเชื่อ เพราะคำว่าสินเชื่อมอเตอร์ไซค์นั้นมีความหมายครอบคลุมทั้งการซื้อรถใหม่ และการนำรถที่มีอยู่แล้วมาแลกเงิน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
1. สินเชื่อเช่าซื้อ (Hire Purchase) : สำหรับคนอยากมีรถ
สินเชื่อประเภทนี้คือสิ่งที่เรากำลังพูดถึงเป็นหลัก นั่นคือการขอสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อ “ซื้อรถคันใหม่” (หรือรถมือสอง) โดยหลักการคือ บริษัทไฟแนนซ์หรือธนาคารจะเป็นผู้ชำระเงินค่ารถทั้งหมดให้กับร้านค้าแทนเรา แล้วเราก็ทำสัญญาผ่อนชำระคืนเป็นงวดๆ พร้อมดอกเบี้ยตามที่ตกลงกัน ซึ่งในระหว่างผ่อน กรรมสิทธิ์ในตัวรถจะเป็นของบริษัทไฟแนนซ์ เราเป็นเพียงผู้ครอบครอง และใช้งาน เมื่อผ่อนครบตามสัญญา กรรมสิทธิ์จึงจะโอนมาเป็นชื่อของเราโดยสมบูรณ์
2. สินเชื่อจำนำทะเบียน (Car for Cash) : สำหรับคนร้อนเงิน
สินเชื่อรูปแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่มีรถมอเตอร์ไซค์เป็นชื่อของตัวเองอยู่แล้ว และต้องการเงินก้อนฉุกเฉินเพื่อมาหมุนเวียน โดยการนำเล่มทะเบียนรถมาเป็นหลักประกันในการกู้เงิน จุดเด่นคือเรายังสามารถใช้งานรถได้ตามปกติเหมือนเดิม เพียงแค่นำเล่มทะเบียนไปฝากไว้กับสถาบันการเงินเพื่อแลกกับสภาพคล่องทางการเงินนั่นเอง
กางตำราขั้นตอนการขอสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ (สำหรับซื้อรถใหม่)

เมื่อรู้เป้าหมายแล้วว่าต้องการซื้อรถ ขั้นตอนต่อไปคือการเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อให้การยื่นกู้ผ่านฉลุยในครั้งเดียว มาดูกันว่าสเต็ปที่ถูกต้องควรทำอย่างไรบ้าง
Step 1 : เช็กคุณสมบัติ และความพร้อมทางการเงิน
เริ่มต้นด้วยการสำรวจตัวเอง ผู้กู้ควรมีอาชีพ และรายได้ที่ตรวจสอบได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำหรือฟรีแลนซ์ และที่สำคัญคือประวัติเครดิตต้องดี ไม่ติดแบล็กลิสต์ นอกจากนี้ต้องเตรียมเงินก้อนสำหรับ “เงินดาวน์” ซึ่งมักจะอยู่ที่ประมาณ 10-30% ของราคารถ รวมถึงค่าใช้จ่ายแฝงในวันออกรถ เช่น ค่าจดทะเบียน ค่า พ.ร.บ. และค่าประกันรถหาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไฟแนนซ์มักจะบังคับทำเพื่อความปลอดภัย
Step 2 : เตรียมเอกสารให้ครบ จบในครั้งเดียว
เอกสารคือหัวใจสำคัญของการอนุมัติ เตรียมให้พร้อมจะได้ไม่เสียเวลา โดยเอกสารพื้นฐานประกอบด้วย
- บัตรประชาชนตัวจริง และสำเนา (ผู้กู้และผู้ค้ำ ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- เอกสารแสดงรายได้ หากเป็นพนักงานประจำใช้สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน ส่วนอาชีพอิสระอาจใช้ทวิ 50 หรือรูปถ่ายกิจการ
- รายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Statement) 3-6 เดือน เพื่อแสดงความสม่ำเสมอของรายได้
Step 3 : ยื่นกู้ และรอผลอนุมัติ
เมื่อเลือกยี่ห้อ และรุ่นรถที่ต้องการได้แล้ว ให้ติดต่อร้านจำหน่ายหรือสถาบันการเงินเพื่อยื่นเรื่อง ขอสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบเอกสาร และประวัติเครดิตทางการเงิน ซึ่งในปัจจุบันบางแห่งมีบริการสินเชื่อดิจิทัลที่สามารถรู้ผลอนุมัติได้รวดเร็วผ่านแอปพลิเคชัน เมื่อผ่านการอนุมัติก็นัดวันเซ็นสัญญา และรับรถมาขับได้เลย
เกร็ดความรู้ : ขอสินเชื่อกับธนาคาร VS บริษัทไฟแนนซ์ ต่างกันไหม ?

อีกหนึ่งคำถามยอดฮิตคือจะกู้กับใครดี ความแตกต่างหลัก ๆ คือ “บริษัทสินเชื่อ (Non-bank)” มักจะให้บริการที่รวดเร็ว ขั้นตอนน้อย และมีโปรโมชันร่วมกับร้านค้าเยอะ แต่อาจต้องแลกมาด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต้องพิจารณาให้ดี ส่วน “ธนาคาร” มักมีความน่าเชื่อถือ และมาตรฐานดอกเบี้ยที่ชัดเจน แต่อาจมีขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารที่รัดกุมกว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวก และโปรโมชัน ณ ช่วงเวลานั้นๆ ว่าที่ไหนตอบโจทย์คุณมากกว่ากัน
การขอสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพียงแค่คุณเข้าใจประเภทของสินเชื่อ เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน และประเมินกำลังในการผ่อนชำระของตัวเองให้ดี สิ่งสำคัญคือควรอ่านเงื่อนไขสัญญา อัตราดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ เพื่อให้การมีรถคันใหม่นำพาความสะดวกสบายมาให้ ไม่ใช่ภาระทางการเงินในระยะยาว
