ไปรษณีย์ไทย x กรมประมง” เปิดเส้นทางส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามสู่ตลาดต่างประเทศ เสริมช่องทางให้ผปก. ประเดิมเฟสแรก 5 ปลายทาง “อเมริกา – เอเชีย” รุกหนุนแบรนด์ดิ้งประเทศไทยแหล่งผลิตสัตว์น้้ำสวยงาม

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จับมือกรมประมงเปิดบริการส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามไปยังต่างประเทศผ่านเครือข่ายไปรษณีย์เป็นครั้งแรก โดยเฟสแรกจะเริ่มให้บริการในเดือนตุลาคม 2568 ส่งออกปลากัด ใน 5 ตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอินโดนีเซีย ก่อนขยายไปตลาดอื่น ๆ ที่มีศักยภาพในอนาคต ทั้งนี้ บริการดังกล่าวจะรองรับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงที่ขึ้นทะเบียนกับกรมประมงกว่า 10,000 ราย ภายใต้บริการส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามไปต่างประเทศ โดยปัจจุบันตลาดสัตว์น้ำสวยงามโลกมีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ไทยมีศักยภาพครองสัดส่วนการส่งออกปลากัดและสัตว์น้ำสวยงามเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ราว 11% และมีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยเฉพาะปลากัดที่มีสัดส่วนถึง 40%


ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ไปรษณีย์ไทยได้วางแนวทางเพื่อก้าวข้ามบทบาทการเป็นผู้ให้บริการรับ–ส่งพัสดุสู่ผู้ให้การสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในทุกมิติ ซึ่งล่าสุดได้พัฒนาความร่วมมือกับกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อขับเคลื่อนการส่งสัตว์น้ำสวยงามไปยังตลาดต่างประเทศ โดยความร่วมมือครั้งนี้เป็นการสะท้อนบริการของไปรษณีย์ไทยภายใต้กลยุทธ์ Parcel Defined Logistics ซึ่งเป็นการออกแบบระบบการขนส่งให้สอดคล้องกับทุกประเภทสินค้า ทั้งสินค้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ สินค้าที่ซับซ้อนและมีมูลค่าสูง บริการส่งยาและเวชภัณฑ์ บริการส่งสินค้าไซส์จัมโบ้ บริการส่งด่วนผลไม้ รวมทั้งที่ผ่านมาไปรษณีย์ไทยได้ส่งสัตว์น้ำสวยงามในประเทศช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – สิงหาคม 2568 กว่า 110,000 ชิ้นงาน ถือว่าประสบความสำเร็จและได้การตอบรับเป็นอย่างดี


“การร่วมมือกับกรมประมงครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการส่งสินค้าระหว่างประเทศ แต่คือการเปิดประตูให้เกษตรกรและภาคการประมงไทยเข้าถึงตลาดโลกผ่านเครือข่ายไปรษณีย์ที่ครอบคลุมกว่า 50,000 แห่ง และกว่า 190 ประเทศทั่วโลก โดยทั้งไปรษณีย์ไทยและกรมประมงมุ่งมั่นให้การส่งสัตว์น้ำสวยงามไทยกลายเป็นอีกหนึ่งสินค้าส่งออกหลักที่สร้างมูลค่าและภาพจำใหม่ของประเทศ รวมถึงช่วยสร้าง Branding ประเทศไทยในฐานะแหล่งผลิตสัตว์น้ำสวยงาม ทั้งนี้ การให้บริการดังกล่าวจะรองรับสัตว์น้ำสวยงามตามมาตรฐานการเพาะเลี้ยงระดับส่งออกจากการกำกับดูแลโดยกรมประมง ส่งผ่านบริการส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามไปต่างประเทศ เริ่มเปิดให้บริการในเดือนตุลาคม 2568 ณ ไปรษณีย์จังหวัดนครปฐมเป็นแห่งแรก ซึ่งเป็นจังหวัดที่นิยมเพาะเลี้ยงปลากัดในจำนวนมากที่สุดของไทย โดยในเฟสแรกจะมุ่งเน้นการส่งออกปลากัดไปยัง 5 ประเทศ ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมาย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอินโดนีเซีย และในอนาคตจะศึกษาความเป็นไปได้เพื่อขยายบริการส่งสัตว์น้ำชนิดอื่น ๆ ไปยังกลุ่มประเทศฐานผู้เลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามขนาดใหญ่และกำลังซื้อสูง”


ดร.ดนันท์ กล่าวเสริมว่า ไปรษณีย์ไทยได้วางระบบบริการที่ครบวงจรตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง  เพื่อให้การส่งออกสัตว์น้ำสวยงามเกิดขึ้นได้จริงและมีมาตรฐาน โดยมีโมเดลที่ออกแบบเฉพาะ ได้แก่ จุดรับฝากเพื่อให้บริการจัดส่งปลาสวยงามโดยเฉพาะ ระบบเอกสารครบวงจรที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าจะดำเนินการเอกสารด้วยตนเองหรือให้ไปรษณีย์ไทยดำเนินการแทน การขนส่งแบบ Special Handling ซึ่งบรรจุภัณฑ์ได้รับการออกแบบเฉพาะสำหรับสัตว์น้ำสวยงาม มีมาตรการควบคุมคุณภาพการขนส่งจนถึงมือผู้รับปลายทาง ระบบติดตามที่สามารถ Tracking ตลอดเส้นทางเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ซื้อทั่วโลก


สำหรับในปัจจุบันไปรษณีย์ไทยเปิดให้บริการจัดส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการในสังกัดของกรมประมง โดยมีสัตว์น้ำที่สามารถฝากส่งได้ในประเทศ จำนวน 12 ชนิด อาทิ  ปลากัด ปลาหางนกยูง ปลาสอด กุ้งสวยงาม พันธุ์ไม้น้ำ สาหร่ายพวงองุ่น โดยเชื่อมั่นว่าประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและสังคม จากความร่วมมือครั้งนี้มีทั้งการช่วยเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงให้เข้าถึงตลาดใหม่ ลดภาระเรื่องเอกสารการส่งออก และมีช่องทางจำหน่ายที่สะดวก ปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า ตลาดโลกสัตว์น้ำสวยงามมีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ไทยมีศักยภาพครองสัดส่วนการส่งออกปลากัดและสัตว์น้ำสวยงามเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ราว 11% โดยปัจจุบันประเทศไทยมีเกษตรกรเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามที่ขึ้นทะเบียนกว่า 10,000 ราย ในปี 2567 มีมูลค่าการส่งออกกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเฉพาะปลากัดที่มีมูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท  หรือราว 40% ของการส่งออกสัตว์น้ำทั้งหมด กลุ่มรองลงมา คือปลาทอง ปลาหางนกยูงและปลาสอด กุ้งสวยงาม กลุ่มปลาหมอสีและปลาออสการ์  และปลาชนิดอื่น ๆ  ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มุ่งเน้นการสร้างอาชีพ และสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพผลผลิตสัตว์น้ำ รวมถึงเพิ่มช่องทางการตลาดให้แก่เกษตรกรไทยที่จะสามารถสร้างรายได้สู่ครัวเรือนเกษตรกร กรมประมงจึงประสานความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยซึ่งเป็นหน่วยงานขนส่ง-โลจิสติกส์แห่งชาติ ในการร่วมพัฒนาศักยภาพเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงและผู้ประกอบการสัตว์น้ำสวยงามให้มีความพร้อมในการปฏิบัติตามมาตรฐานการส่งออกและสามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น

ความร่วมมือในครั้งนี้กรมประมงจะสนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินงานด้านวิชาการและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยงและการส่งออกสัตว์น้ำสวยงามที่มุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านมาตรฐานการเพาะเลี้ยง การขึ้นทะเบียน หลักเกณฑ์และข้อปฏิบัติด้านการตรวจสอบ รวมถึงการออกหนังสือรับรองสุขภาพสัตว์น้ำและเอกสารประกอบการส่งออก เพื่อให้การส่งออกสัตว์น้ำสวยงามไปยังต่างประเทศเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายภายในประเทศและมาตรฐานสากล ทั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการตอกย้ำการสร้างการรับรู้ถึง “ปลากัดไทย” ในฐานะสัตว์น้ำเอกลักษณ์ประจำชาติ แต่ยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทุกมิติ ให้เกษตรกรไทยสามารถส่งออกสัตว์น้ำโดยตรง ซึ่งจะเป็นการเพิ่มพูนรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการสู่โอกาสการแข่งขันทางการค้าและสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

“ความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์ไทยและกรมประมงในครั้งนี้ คือการปักหมุดทางเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ ที่ไม่เพียงช่วยเกษตรกรให้เข้าถึงตลาดโลก แต่ยังตอกย้ำภาพลักษณ์ไทยในฐานะผู้นำด้านสัตว์น้ำสวยงามและ Soft Power บนเวทีโลก” นายบัญชา กล่าวสรุป

สำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการฟาร์มเพาะเลี้ยงที่สนใจใช้บริการส่งด่วนสัตว์น้ำสวยงามไปยังต่างประเทศผ่านไปรษณีย์ไทยจะต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
          1. ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบการด้านการประมง (ทบ.2)
          2. ขึ้นทะเบียนสถานประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อการส่งออก  (สอ.3)
          3. ขึ้นทะเบียนสถานประกอบการรวบรวมสัตว์น้ำเพื่อการส่งออก (สอ.4)

ทั้งนี้  ในการส่งออกปลากัดแต่ละครั้ง ต้องยื่นขอเอกสารประกอบการส่งออกจากกรมประมง 5 ประเภท ได้แก่ 1. ขอใบอนุญาตส่งออกสัตว์น้ำ (ร.9) 2.ขอหนังสือรับรองสุขภาพสัตว์น้ำ (Health Certificate) 3.ใบแจ้งดำเนินการส่งออกสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ (DOF4) 4. ใบอนุญาตให้ส่งออกสัตว์น้ำ (DOF11) 5. หนังสือรับรองตนเองในการแจ้งแหล่งที่มาของสัตว์น้ำหรือผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ (Self Certificate) และเพื่อส่งเสริมศักยภาพการส่งออกให้แก่ผู้ประกอบการ ไปรษณีย์ไทยยังได้ประสานความร่วมมือกับกรมประมงในการจัดเวิร์คช็อปอบรมสำหรับเกษตรกรที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจในกระบวนการส่งออก เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบในการขึ้นทะเบียนและการเตรียมความพร้อมสำหรับการส่งออก รวมถึงช่วยให้เกษตรกรสามารถส่งออกปลากัดได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐาน โดยสำหรับเกษตรกรที่ต้องการส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนจะต้องขึ้นทะเบียนกับหน่วยงาน General Administration of Customs of the People’s Republic of China (GACC)

ที่มา: กรมประมง