SIRIVANNAVARI เปิดแฟล็กชิพสโตร์ใหม่ ตอกย้ำวิสัยทัศน์สู่การเป็นผู้นำแฟชั่นลักชัวรีของไทย

SIRIVANNAVARI เปิดแฟล็กชิพสโตร์แห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ภายใต้บรรยากาศงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟ โดยมี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด ท่ามกลางสื่อมวลชน แขกผู้มีเกียรติ บรรดาแขกคนพิเศษ อาทิ เบ็คกี้-รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง, เจ้านาย-จินเจษฎ์ วรรธนะสิน เจ้าขุน-จักรภัทร วรรธนะสิน และเหล่าคนดังอีกคับคั่ง ณ ชั้น 1 South Zone ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ภายในร้านได้รับการออกแบบในสไตล์คอนเทมโพรารี เน้นความประณีตและหลากหลายมิติ สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์ผ่านวัสดุคู่ตรงข้าม ผสมผสานหินธรรมชาติในโทนสีครีมกับสเตนเลสสตีลสไตล์อินดัสเทรียล เสริมด้วยผนังกระจกกราฟิกจากพื้นถึงเพดาน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ทันสมัยและสอดคล้องวิถีชีวิตของผู้บริโภครุ่นใหม่

นางรติรส จุลชาต รองประธานบริษัท ไอริส 2005 จํากัด และผูู้บริหารแบรนด์ SIRIVANNAVARI กล่าวว่า “เรามุ่งสร้างการรับรู้ในตลาดสากลอย่างต่อเนื่อง ในฐานะแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่อยู่ในปฏิทิน Milan Fashion Week ซึ่งช่วยขยายการมองเห็นของแบรนด์ในเวทีนานาชาติอย่างชัดเจน สำหรับปี 2025 การเติบโตมาจากการผลักดันสินค้าใหม่ โดยเฉพาะไลน์ Ready-to-Wear และ Essentials Edit ที่ใส่ง่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงการเปิดตัว Fine Jewelry ที่ตอบโจทย์ลูกค้ารุ่นใหม่ด้านดีไซน์หรูหราและทันสมัย ด้านรีเทล เรายังขยายสู่ตลาดใหม่ผ่านป๊อปอัพสโตร์ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อเสริมศักยภาพและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในระดับสากล”

แฟล็กชิพสโตร์แห่งนี้นำเสนอสินค้าครบครัน ทั้งเสื้อผ้า Ready-to-wear, เครื่องแต่งกายชิ้นพิเศษแบบ Made-to-order ที่เคยจัดแสดงในมิลานและปารีส, Essentials Edit สำหรับสวมใส่ได้ทุกวัน, เครื่องหนัง กระเป๋า รองเท้า Made in Italy, คอลเลคชั่น Fine Jewelry และแอคเซสเซอรี่ดีไซน์เฉพาะตัว รวมถึงไลฟ์สไตล์ไอเท็มจาก SIRIVANNAVARI Maison

“เราเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำแฟชั่นลักชัวรีของไทย ด้วยการเป็นแบรนด์ไทยเพียงแบรนด์เดียวที่นำเสนอคอลเลคชั่นในรูปแบบพรีเซนเทชั่นในตารางแฟชั่นวีคอย่างเป็นทางการ ณ เมืองแฟชั่นระดับโลกอย่างมิลาน พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่ม High Jewelry เพื่อต่อยอดศักยภาพของไทยในฐานะศูนย์กลางจิวเวลรีโลก แบรนด์ยังมุ่งเจาะตลาด Ultra Luxury ผ่านความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์รีเทล และเตรียมเปิดร้านจิวเวลรีสแตนด์อโลนในต้นปี 2026 รวมถึงร่วมงานกับพันธมิตรสำคัญ เช่น การบินไทย เพื่อขยายฐานลูกค้า ขณะเดียวกันงานฝีมือยังคงเป็นหัวใจของเรา ผ่าน in-house embroidery และ atelier ที่ผสานเทคนิคไทยและฝรั่งเศส สร้างสรรค์เอกลักษณ์ของแบรนด์สู่ตลาดสากลต่อไป” นางรติรส กล่าวปิดท้ายถึงการเติบโตในเชิงธุรกิจของแบรนด์

ที่มา: ไดเร็กชั่นส์ กรุ๊ป