เดลล์ เทคโนโลยีส์ เผยคาดการณ์ปี 2026 พร้อมภาพรวมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กับการเร่งเครื่อง AI เพื่อใช้ในระดับองค์กร Sovereign AI และการกำกับดูแล

เดลล์ เทคโนโลยีส์ จัดงานแถลงถึงการคาดการณ์ปี 2026 และทิศทางในอนาคตให้กับสื่อในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น และจีน โดย จอห์น โรส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีระดับโลก และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่าย AI เดลล์ เทคโนโลยีส์ พร้อมด้วย ปีเตอร์ มาร์ส ประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น และจีน ได้สรุปแนวโน้มเทคโนโลยีที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ พร้อมกลยุทธ์ของเดลล์เพื่อเร่งขับเคลื่อนการใช้งาน AI และนวัตกรรมภายในภูมิภาค

จอห์น โรส กล่าวถึงการเร่งเครื่องของ AI ที่กำลังพลิกโฉมโครงสร้างขององค์กรและอุตสาหกรรมทั้งหมดอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมผลักดันให้เกิดวิธีการดำเนินงาน การพัฒนา และการสร้างนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่ขยายวงกว้างยิ่งขึ้นด้วยระดับความเร็วอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

การมุ่งนำ AI ไปใช้งานจริงในระดับองค์กร

หนึ่งในแนวโน้มสำคัญคือ การมุ่งขยายการใช้งาน AI เพื่อสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้ ปีเตอร์ มาร์ส กล่าวว่า “การพูดคุยครั้งนี้ มุ่งประเด็นที่การนำไปใช้งานจริง และ AI กำลังสร้างโอกาสในการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง เรากำลังทำงานร่วมกับลูกค้าทั่วภูมิภาคเพื่อสร้าง AI ในระดับองค์กร” ตัวอย่างเช่น Sandisk ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นลูกค้าที่เดลล์กำลังทำงานร่วมกันเพื่อมอบโซลูชัน AI ขั้นสูงสำหรับการออกแบบผลิตภัณฑ์และการผลิตอัจฉริยะ โดยช่วยให้โรงงานสามารถดำเนินงานแบบอัตโนมัติโดยที่แทบไม่ต้องใช้แรงงานคน (lights-out factory) ได้สูงถึง 95%

ปีเตอร์ มาร์ส กล่าวเสริมว่า การนำ AI เอเจนต์ มาใช้งานเพิ่มขึ้น เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ โดยองค์กรอย่าง Zoho ในประเทศอินเดียได้ทำงานร่วมกับเดลล์เพื่อเร่งนำ AI เอเจนต์มาใช้งานได้รวดเร็ว ผ่านโซลูชัน AI ในระดับองค์กรที่เข้าใจบริบทการใช้งานในองค์กร โดยให้ความสำคัญเรื่องความเป็นส่วนตัวเป็นอันดับแรก อีกทั้งรองรับการทำงานได้หลายรูปแบบ ทั้งนี้ AI ได้กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกองค์กรในภูมิภาค และสิ่งที่เดลล์ทำคือการสร้างรากฐานร่วมกับลูกค้าเพื่อให้สามารถนำ AI ไปใช้งานในระดับองค์กรได้สำเร็จ”

จอห์น โรส เน้นย้ำว่า อุตสาหกรรมกำลังเข้าสู่ยุคของเอเจนต์อัตโนมัติ ซึ่ง AI เอเจนต์กำลังพัฒนาจากผู้ช่วยไปสู่การเป็นผู้จัดการหลักในกระบวนการที่ซับซ้อนและดำเนินการต่อเนื่องเป็นเวลานาน พร้อมกล่าวว่า “เมื่อผู้คนเริ่มก้าวสู่เส้นทางการใช้งาน AI เอเจนต์ ในปี 2026 คนเหล่านี้จะประหลาดใจกับสิ่งที่ AI เอเจนต์สามารถทำได้มากเกินความคาดหมาย ซึ่งการมี AI เอเจนต์จะช่วยสร้างคุณค่าให้มนุษย์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้ทำงานที่ไม่ต้องอาศัย AI ได้ดียิ่งขึ้น”

ในขณะที่อุตสาหกรรมยังคงพัฒนาและใช้งาน AI ระดับองค์กรอย่างต่อเนื่อง จอห์น โรส เน้นย้ำถึงความจำเป็นของธุรกิจในการทบทวนวิธีปฏิบัติและสร้าง AI Factories ที่มีความยืดหยุ่น “เดลล์ เป็นผู้นำในด้านนี้ โดยผสานรวมสองโลกเข้าด้วยกัน ทั้ง AI Factories ระบบกู้คืนทางไซเบอร์ ความยืดหยุ่น ระบบเก็บข้อมูลแยกส่วน และการปกป้องข้อมูล เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินงานได้อย่างมั่นคงต่อเนื่อง”

Sovereign AI และการกำกับดูแล คือรากฐานสำคัญของนวัตกรรม

การเร่งพัฒนา AI ด้วยระดับความเร็วสูง ย่อมทำให้เกิดความผันผวนอยู่บ้าง โดยจอห์น โรส คาดการณ์ว่า ความต้องการกรอบการกำกับดูแลที่เข้มงวด รวมถึงสภาพแวดล้อม AI แบบปิดและควบคุมได้ จะกลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พร้อมกับเรียกร้องให้ภาคอุตสาหกรรมสร้างแนวป้องกันด้าน AI ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน

“ปีที่แล้ว เราคาดการณ์ว่า “เอเจนต์” จะเป็นคำสำคัญของปี 2025 สำหรับปีนี้คำว่า “การกำกับดูแล” จะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้น เทคโนโลยีและกรณีใช้งานต่างๆ จะไม่ประสบความสำเร็จ หากขาดซึ่งระเบียบวินัยและการกำกับดูแลที่ชัดเจนในการดำเนินกลยุทธ์ด้าน AI ไม่ว่าจะในระดับองค์กร ระดับภูมิภาค หรือระดับประเทศก็ตาม” จอห์น โรส กล่าว

จอห์น โรส ยังเน้นย้ำว่า “ความซับซ้อนอันดับหนึ่งของการก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วคือ การวางโครงสร้างด้านการกำกับดูแล ซึ่งประกอบด้วยกฎเกณฑ์ที่ผู้คนสามารถเข้าใจและปฏิบัติตามได้ รวมถึงแนวทางในการจัดลำดับความสำคัญของประเด็นที่เป็นเรื่องสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ในระดับประเทศ ระบบนิเวศของ Sovereign AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก AI กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อผลประโยชน์ของรัฐ ปีเตอร์ มาร์ส กล่าวถึงแรงขับเคลื่อนของแนวโน้มดังกล่าว พร้อมชี้ให้เห็นว่า เช่นเดียวกับหลายประเทศในภูมิภาค องค์กรต่างๆ กำลังสร้างกรอบการทำงานของตนเอง เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมในระดับท้องถิ่นด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งที่มีอยู่

ปีเตอร์ มาร์ส กล่าวเสริมว่า Sovereign AI กำลังก่อให้เกิดกระแสใหม่ของเศรษฐกิจและระบบนิเวศด้าน AI ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ ในยุคเศรษฐกิจ AI ที่กำลังเติบโต โดยยกตัวอย่างความร่วมมือกับลูกค้าอย่าง Macquarie Data Centres ในประเทศออสเตรเลีย และ NAVER Cloud ในประเทศเกาหลีใต้ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของนวัตกรรม AI ที่น่าเชื่อถือ

จอห์น โรส ขยายความเพิ่มถึงคาดการณ์แนวโน้มของอุตสาหกรรม Sovereign AI ว่าจะมีขนาดใหญ่กว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน เนื่องจากทุกความพยายามจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานเป็นความสามารถขั้นพื้นฐาน

สร้างระบบนิเวศเพื่อผลลัพธ์และความก้าวหน้า

เพื่อเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว ปีเตอร์ มาร์ส ย้ำถึงความสำคัญของระบบนิเวศด้านความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะและยกระดับขีดความสามารถด้านการแข่งขัน AI ในภูมิภาค โดยยกตัวอย่างโครงการ APJ AI Innovation Hub ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการผสานรวมศักยภาพของเดลล์ ทั้งความสามารถ บุคลากร และระบบนิเวศเข้าด้วยกัน

“การร่วมงานกับผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานภาครัฐ และพันธมิตรในอุตสาหกรรม ช่วยให้เราสร้างความก้าวหน้าในการส่งเสริมการพัฒนาทักษะและยกระดับองค์ความรู้ร่วมกันได้อย่างมาก เรากำลังร่วมกันเร่งผลักดันบทบาทความเป็นผู้นำของเอเชียในฐานะที่เป็นภูมิภาคด้าน AI ด้วยการระบุแนวทางสำคัญเพื่อส่งเสริมการเติบโตของภูมิภาค เดลล์ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมและช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้” ปีเตอร์ มาร์ส กล่าว

ที่มา: เอพีพีอาร์ มีเดีย