พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ เปิดตัว Cortex Cloud 2.0 มาพร้อมกับกองทัพ AI อัตโนมัติสำหรับความปลอดภัยบนคลาวด์

เวอร์ชัน 2.0 นี้ยกระดับขีดความสามารถแพลตฟอร์มปกป้องแอปพลิเคชันบนคลาวด์ (CNAPP) เข้ากับ AI ที่ทำงานแบบอัตโนมัติ ศูนย์บัญชาการคลาวด์แบบรวมศูนย์ และเอเจนต์ระบบตรวจับและรับมือภัยคุกคามบนคลาวด์ 

คลาวด์มีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด แต่กำลังถูกบั่นทอนด้วยการแยกส่วนด้านความปลอดภัย ในขณะที่การลงทุนด้านคลาวด์มีแนวโน้มเติบโตขึ้น 4.6 เท่าภายในปี 2573 แต่ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นนั้น ทำให้เกิดความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น และส่วนใหญ่มักจะไม่ได้รับการแก้ไขภายใน 120 วัน วันนี้พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ ผู้นำระดับโลกด้านระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ ได้ตอบโจทย์ความท้าทายนี้ ด้วยเวอร์ชันใหม่ของแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ภายใต้ชื่อ “Cortex Cloud 2.0” ซึ่งมาพร้อมกับขีดความสามารถใหม่ของเทคโนโลยีระบบตรวจจับและรับมือภัยคุกคามบนคลาวด์ (CDR) ที่ดีที่สุด กับแพลตฟอร์มปกป้องแอปพลิเคชันบนคลาวด์ (CNAPP) ที่พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม พร้อมด้วยระบบ AI ทำงานแบบอัตโนมัติ ศูนย์บัญชาการด้านความปลอดภัยบนคลาวด์ (Unified Cloud Command Center) ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ และเอเจนต์ด้านระบบตรวจับและรับมือภัยคุกคามบนคลาวด์  (CDR agent) ที่ได้รับการปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด 

โกเนน ฟิงค์ รองประธานอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ Cortex ของพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ กล่าวว่า “ลูกค้ายังต้องเผชิญกับความยากลำบากจากเครื่องมือบริหารความเสี่ยงที่กระจัดกระจาย รวมถึงการตรวจจับและตอบสนองต่อความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในคลาวด์ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดช่องโหว่ในการจัดการความปลอดภัยและการจัดการที่ซับซ้อน ที่อาจจะเป็นอันตราย Cortex Cloud 2.0 เป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญของแพลตฟอร์มที่พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ พัฒนาขึ้นเมื่อ 8 เดือนที่แล้ว ซึ่งกลายเป็นแพลตฟอร์มปกป้องแอปพลิเคชันบนคลาวด์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานในการดำเนินงานแบบบูรณาการตั้งแต่โค้ดไปจนถึงคลาวด์ และศูนย์ปฏิบัติด้านความปลอดภัย (SOC) ปัจจุบันองค์กรสามารถเร่งกระบวนในการเปลี่ยนแปลงด้านความปลอดภัยบนคลาวด์ให้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยความสามารถใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งได้รับออกแบบมาเพื่อการใช้งานอัตโนมัติที่ดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และความปลอดภัยยิ่งขึ้น” 

Cortex Cloud 2.0 เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจได้อย่างไร:

  • อัตโนมัติทุกกระบวนการทำงานด้วยระบบ AI อัตโนมัติ: ด้วยความสามารถของ Cortex AgentiXเวอร์ชันล่าสุดสามารถทำงานต่าง ๆ ได้อย่างอัตโนมัติ ช่วยปลดปล่อยเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยให้ทำงานที่มีคุณค่ามากกว่า เอเจนต์เหล่านี้ได้รับการเทรนด์ AI ด้วยข้อมูลจริงจากชุดคำสั่งจัดการกว่า 1.2 พันล้านรายการ จึงสามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยที่ซับซ้อนได้โดยอัตโนมัติภายในเวลาไม่กี่นาที ช่วยลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยบนคลาวด์ลงได้อย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีแนวทางควบคุมการทำงานของระบบอัตโนมัติตามมาตรฐานองค์กรระดับสูงที่รับประกันว่าการดำเนินการอัตโนมัติจะเป็นไปตามนโยบายและแนวทางขององค์กรอย่างเคร่งครัด
  • รวบรวมและจัดลำดับความเสี่ยงทุกพื้นที่ในระบบคลาวด์: ศูนย์บัญชาการที่ได้รับออกแบบใหม่ให้ข้อมูลเชิงลึกที่รวดเร็วเกี่ยวกับทรัพยากรบนระบบคลาวด์ที่สามารถนำไปใช้ได้ทันที สามารถระบุถึงความเสี่ยงที่สำคัญ และภัยคุกคามที่กำลังเกิดขึ้น โดยจะแนะนำผู้เชี่ยวชาญระบบความปลอดภัยให้ดำเนินการแก้ไขได้อย่างตรงจุดและเรียบง่าย พร้อมทั้งแสดงกราฟฟิกที่สวยงามและเข้าใจง่ายของสภาพแวดล้อมบนระบบมัลติคลาวด์
  • ปกป้องงานให้ปลอดภัยโดยไม่กระทบประสิทธิภาพ: โหมดการทำงานแบบปรับแต่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับ CDR agent ของ Cortex Cloud สามารถเปิดใช้งานด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียวสำหรับการป้องกันแบบเรียลไทม์ที่ลดการใช้ทรัพยากรลงสูงสุดถึง 50% องค์กรสามารถกระจายการใช้งานระบบป้องกันที่แข็งแกร่งได้อย่างกว้างขวาง สอดคล้องกับความต้องการด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยของแอปพลิเคชัน
  • ปกป้องความเสี่ยงก่อนจะเข้าสู่กระบวนการผลิต: โมดูลรักษาความปลอดภัยของแอปพลิเคชันที่เน้นการปกป้องเป็นหลัก (Application Security Posture Management – ASPM) ที่เวอร์ชั่นใหม่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถค้นหาและแก้ไขช่องโหว่ในโค้ดได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่ากว่า มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการแก้ไขในสภาพแวดล้อมการผลิตถึง 10 เท่า ASPM มาพร้อมกับศูนย์บัญชาการใหม่ (Command Center) เพื่อให้ทีมนักพัฒนาความปลอดภัยบนคลาวด์ (DevSecOps) มีแหล่งข้อมูลที่ถูกต้องเป็นหนึ่งเดียวในการป้องกันความปลอดภัยของห่วงโซ่อุปทานซอฟต์แวร์ทั้งระบบก่อนที่จะนำไปใช้งานจริง

วันนี้ Cortex Cloud พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าทั่วโลกแล้ว ลูกค้าทุกรายจะได้รับการอัปเกรดแบบอัตโนมัติเป็นเวอร์ชัน 2.0 ภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 

ที่มา: PRecious Communications