เทคนิคใหม่ LC + ERCP ส่องกล้องท่อทางเดินน้ำดี รักษานิ่วในถุงน้ำดีและท่อน้ำดีพร้อมกัน เจ็บน้อย ปลอดภัย ฟื้นตัวไวกว่าเดิม

“นิ่วในถุงน้ำดี” ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อย่างที่หลายคนคิด เพราะถ้าปล่อยไว้นานอาจหลุดไปอุดที่ท่อน้ำดี ทำให้การรักษายุ่งยากขึ้นและเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้
นิ่วในถุงน้ำดี อาการที่พบบ่อย เช่น
- ปวดจุกแน่นกลางท้องหลังอาหาร 30 นาทีขึ้นไป
- ปวดรุนแรงบริเวณลิ้นปี่ หรือใต้ชายโครงขวา
- หากปวดเกิน 6 ชั่วโมง + มีไข้ อาจเสี่ยง “ถุงน้ำดีอักเสบ” ต้องรีบผ่าตัดภายใน 72 ชม.
และถ้านิ่วหลุดไปอุดในท่อน้ำดี อาจทำให้เกิด…
- ดีซ่าน ตาเหลือง ตัวเหลือง
- ท่อน้ำดีอักเสบ (มีไข้ หนาวสั่น เสี่ยงติดเชื้อรุนแรง)
- ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งอาจอันตรายถึงชีวิต ต้องรักษาภายใน 12 ชม.
หลายครั้งเมื่อมีนิ่วทั้งในถุงน้ำดีและท่อน้ำดี ผู้ป่วยจำเป็นต้องรักษา 2 หัตถการ ทำให้ต้องดมยาสลบถึง 2 ครั้ง แต่ปัจจุบันมี เทคนิคที่ช่วยรักษานิ่วในถุงน้ำดี + นิ่วในท่อน้ำดีได้พร้อมกันในครั้งเดียว (LC + ERCP) ไม่ต้องดมยาสลบหลายรอบ ลดเวลาพักฟื้น และปลอดภัยกว่าเดิม
การรักษาแบบ LC + ERCP คืออะไร?เป็นการผ่าตัดร่วมกัน 2 วิธีในครั้งเดียว ได้แก่LC (Laparoscopic Cholecystectomy) : เป็นการผ่าตัดนิ่วแบบแผลเล็กขนาด 0.5 เซนติเมตร จำนวน 3 – 4 จุด บริเวณท้องส่วนบนขวาเพื่อสอดกล้องและอุปกรณ์สำคัญสำหรับผ่าตัด ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากอวัยวะข้างเคียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ERCP (Endoscopic Retrograde Cholangiopancreatography) : เป็นการส่องกล้องท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อนผ่านช่องปาก ซึ่งเหมาะสำหรับวินิจฉัยและรักษาโรคแม้ในจุดที่เข้าถึงยาก เช่น ภาวะนิ่วในท่อน้ำดี การอักเสบหรือการติดเชื้อของทางเดินน้ำดี
- ดมยาสลบแค่ครั้งเดียว
- แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว กลับไปใช้ชีวิตได้เร็วกว่าเดิม
- ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 2–3 ชั่วโมง
- ลดค่าใช้จ่าย ลดวันนอนโรงพยาบาล
- รักษานิ่วในถุงน้ำดีและท่อน้ำดี พร้อมกันในครั้งเดียว
- เหมาะกับผู้ป่วยที่มีนิ่วในท่อน้ำดีขนาด ไม่เกิน 1 ซม.
ท่อน้ำดีมีรูเปิดร่วมกับท่อตับอ่อน หากนิ่วไปอุดตรงจุดสำคัญ อาจทำให้เกิดตับอ่อนอักเสบที่อันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น หากตรวจพบว่ามี “นิ่วในถุงน้ำดี” อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน ควรติดตามอาการสม่ำเสมอ และหากมีข้อบ่งชี้ต้องผ่าตัดควรรีบผ่าตัดทันที เพราะ นิ่วก้อนเล็กๆ อาจก่ออันตรายได้มากกว่าที่คิด
