งานวิจัยชี้ “โพรไบโอติกส์ในมดลูก” สัมพันธ์กับโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จ

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) จุลินทรีย์ชนิดดีที่หลายคนคุ้นเคยว่าเกี่ยวข้องกับสุขภาพลำไส้และการย่อยอาหาร แท้จริงแล้วยังมีผลโดยตรงต่อสุขภาพช่องคลอดและมดลูก ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการฝังตัวอ่อน โดยเฉพาะในผู้หญิงที่อยู่ระหว่างการทำเด็กหลอดแก้วหรืออิ๊กซี่ (ICSI) 

ครูก้อย – นัชชา ลอยชูศักดิ์ ครูวิทยาศาสตร์และผู้ก่อตั้งเพจ BabyAndMom.co.th แหล่งความรู้ด้านการเตรียมตั้งครรภ์ยืนหนึ่งในใจผู้มีบุตรยาก  ได้ให้ข้อมูลว่า โพรไบโอติกส์ไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะต่อระบบทางเดินอาหาร แต่ยังมีผลโดยตรงต่อ สุขภาพของมดลูกและช่องคลอด ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่อาจถูกมองข้ามในการเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น อิ๊กซี่ (ICSI) 

โพรไบโอติกส์ คือจุลินทรีย์ชนิดดีที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติในหลายระบบของร่างกาย เช่น ลำไส้ มดลูก ช่องคลอด ผิวหนัง ช่องปาก ทางเดินหายใจ และระบบปัสสาวะ โดยทำหน้าที่เฉพาะตามตำแหน่งที่อยู่ โดยในลำไส้โพรไบโอติกส์ช่วยย่อยอาหาร ดูดซึมสารอาหาร ผลิตกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และยับยั้งการเจริญของเชื้อก่อโรค ซึ่งแน่นอนว่า ระบบลำไส้มีความเชื่อมโยงกับภูมิคุ้มกันโดยตรง โดยประมาณ 70% ของระบบภูมิคุ้มกันเริ่มต้นที่ลำไส้ และถ้าลำไส้มีจุลินทรีย์ที่ดีน้อยลงหรือถูกทำลาย ก็จะมีผลให้ภูมิคุ้มกันลดลง ก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเชื่อมโยงกับหลายๆ ระบบในร่างกาย ซึ่งการอักเสบมีบทบาทสำคัญสำหรับผู้หญิงเตรียมตั้งครรภ์ ถ้ามีการอักเสบในร่างกายสูง อาจลดคุณภาพของไข่ ตัวอ่อน และอาจกระทบต่อมดลูกและลดโอกาสการฝังตัวของตัวอ่อนได้ สำหรับระบบสืบพันธุ์เพศหญิง โพรไบโอติกส์ มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในมดลูกและช่องคลอด ป้องกันการติดเชื้อ และสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน 

ครูก้อย นัชชา กล่าวเสริมว่า สำหรับสตรีที่วางแผนตั้งครรภ์ การมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงย่อมช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จ ทั้งในการตั้งครรภ์ธรรมชาติและการทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งจากการศึกษางานวิจัยในระดับนานาชาติเกี่ยวกับโพรไบโอติกส์และภาวะเจริญพันธุ์ พบว่าโพรไบโอติกส์สายพันธุ์ Bifidobacterium และ Lactobacillus จุลินทรีย์ดีทั้งสองประเภทนี้เกี่ยวข้องกับการเสริมภูมิคุ้มกันและส่งผลดีต่อภาวะเจริญพันธุ์ และเหมาะสมกับคนที่เตรียมตัวมีบุตร คนตั้งครรภ์

งานวิจัยชี้ “โพรไบโอติกส์ในมดลูก” สัมพันธ์กับโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จ 

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) จุลินทรีย์ชนิดดีที่หลายคนคุ้นเคยว่าเกี่ยวข้องกับสุขภาพลำไส้และการย่อยอาหาร แท้จริงแล้วยังมีผลโดยตรงต่อสุขภาพช่องคลอดและมดลูก ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของการฝังตัวอ่อน โดยเฉพาะในผู้หญิงที่อยู่ระหว่างการทำเด็กหลอดแก้วหรืออิ๊กซี่ (ICSI) 

ครูก้อย – นัชชา ลอยชูศักดิ์ ครูวิทยาศาสตร์และผู้ก่อตั้งเพจ BabyAndMom.co.th แหล่งความรู้ด้านการเตรียมตั้งครรภ์ยืนหนึ่งในใจผู้มีบุตรยาก  ได้ให้ข้อมูลว่า โพรไบโอติกส์ไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะต่อระบบทางเดินอาหาร แต่ยังมีผลโดยตรงต่อ สุขภาพของมดลูกและช่องคลอด ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่อาจถูกมองข้ามในการเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในผู้ที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น อิ๊กซี่ (ICSI) 

โพรไบโอติกส์ คือจุลินทรีย์ชนิดดีที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติในหลายระบบของร่างกาย เช่น ลำไส้ มดลูก ช่องคลอด ผิวหนัง ช่องปาก ทางเดินหายใจ และระบบปัสสาวะ โดยทำหน้าที่เฉพาะตามตำแหน่งที่อยู่ โดยในลำไส้โพรไบโอติกส์ช่วยย่อยอาหาร ดูดซึมสารอาหาร ผลิตกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และยับยั้งการเจริญของเชื้อก่อโรค ซึ่งแน่นอนว่า ระบบลำไส้มีความเชื่อมโยงกับภูมิคุ้มกันโดยตรง โดยประมาณ 70% ของระบบภูมิคุ้มกันเริ่มต้นที่ลำไส้ และถ้าลำไส้มีจุลินทรีย์ที่ดีน้อยลงหรือถูกทำลาย ก็จะมีผลให้ภูมิคุ้มกันลดลง ก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเชื่อมโยงกับหลายๆ ระบบในร่างกาย ซึ่งการอักเสบมีบทบาทสำคัญสำหรับผู้หญิงเตรียมตั้งครรภ์ ถ้ามีการอักเสบในร่างกายสูง อาจลดคุณภาพของไข่ ตัวอ่อน และอาจกระทบต่อมดลูกและลดโอกาสการฝังตัวของตัวอ่อนได้ สำหรับระบบสืบพันธุ์เพศหญิง โพรไบโอติกส์ มีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในมดลูกและช่องคลอด ป้องกันการติดเชื้อ และสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน 

ครูก้อย นัชชา กล่าวเสริมว่า สำหรับสตรีที่วางแผนตั้งครรภ์ การมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงย่อมช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จ ทั้งในการตั้งครรภ์ธรรมชาติและการทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งจากการศึกษางานวิจัยในระดับนานาชาติเกี่ยวกับโพรไบโอติกส์และภาวะเจริญพันธุ์ พบว่าโพรไบโอติกส์สายพันธุ์ Bifidobacterium และ Lactobacillus จุลินทรีย์ดีทั้งสองประเภทนี้เกี่ยวข้องกับการเสริมภูมิคุ้มกันและส่งผลดีต่อภาวะเจริญพันธุ์ และเหมาะสมกับคนที่เตรียมตัวมีบุตร คนตั้งครรภ์ 

โดยมีการศึกษาวิจัยพบว่า โพรไบโอติกส์กลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ อ้างอิงรายงานวิจัย เรื่อง  Enhancement of Natural Immune Function by Dietary Consumption of Bifidobacterium lactis (HN019) ที่ตีพิมพ์ในวารสาร European Journal of Clinical Nutrition ปี 2000 ได้ทำการทดลองในอาสาสมัครที่รับประทาน Bifidobacterium lactis HN019 สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ พบว่ากลุ่มที่รับประทานมีระดับ Interferon Alpha สูงขึ้น ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญในการต่อต้านเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย นอกจากนี้ บิฟิโดแบคทีเรียมยังมีบทบาทในการย่อยอาหาร ผลิตกรดไขมันสายสั้น ลดการอักเสบของร่างกาย และพบได้ในอาหารหมัก เช่น โยเกิร์ต กิมจิ ผักดอง นัตโตะ และขนมปังเปรี้ยว 

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยศึกษาพบว่า โพรไบโอติกส์กลุ่มแลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) มีบทบาทสำคัญในการยับยั้งเชื้อก่อโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบในช่องคลอด โดยงานวิจัย Effect of Lactobacillus rhamnosus and Lactobacillus acidophilus on bacterial vaginal pathogen ตีพิมพ์ใน International Journal of Immunopathology and Pharmacology ปี 2017 ได้ศึกษาสายพันธุ์ Lactobacillus rhamnosus HN001 และ Lactobacillus acidophilus La-14 พบว่าโพรไบโอติกส์ ทั้ง 2 สายพันธุ์ ช่วยยับยั้งการฟักตัวและการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่น ซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในช่องคลอดได้อย่างสมบูรณ์ 

กลไกสำคัญของแลคโตบาซิลลัสคือการปรับสมดุลจุลชีพและลดค่า pH ในช่องคลอด ทำให้สภาพแวดล้อมไม่เหมาะต่อการเจริญของเชื้อก่อโรค จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแหล่งอาหารที่อุดมด้วยแลคโตบาซิลลัส ได้แก่ โยเกิร์ต นมเปรี้ยว กิมจิ มิโสะ นัตโตะ คีเฟอร์ (Kefir) ชาหมักคอมบูชา 

ครูก้อย กล่าวด้วยว่า ความสมดุลของจุลินทรีย์ในมดลูกเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หากเยื่อบุโพรงมดลูกมีสภาพแวดล้อมที่ดีและมีจุลินทรีย์ที่เอื้อต่อสุขภาพในปริมาณมาก ก็ยิ่งเอื้อต่อกระบวนการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการตั้งครรภ์ ซึ่งมีงานวิจัยพบความเชื่อมโยง “จุลินทรีย์ในมดลูกกับโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จ” อ้างอิงงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Microbiome ปี 2022 เปิดเผยว่า องค์ประกอบของจุลินทรีย์ในเยื่อบุมดลูกอาจมีผลโดยตรงต่อความสำเร็จของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีบุตรยากและเข้ารับการรักษาด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ การศึกษาจากกลุ่มผู้หญิง 342 คน พบว่า ผู้ที่ไม่สามารถตั้งครรภ์หรือแท้งในระยะแรก มักมีจุลชีพกลุ่ม Atopobium, Gardnerella, Streptococcus และชนิดก่อโรคอื่น ๆ มากกว่าปกติ ในขณะที่ผู้ที่ตั้งครรภ์สำเร็จและคลอดบุตรได้ มีจุลินทรีย์กลุ่ม Lactobacillus ในปริมาณสูงกว่าอย่างต่อเนื่อง นักวิจัยชี้ว่า องค์ประกอบจุลินทรีย์ในมดลูกอาจใช้เป็น ตัวบ่งชี้ (biomarker) เพื่อประเมินโอกาสความสำเร็จของการย้ายตัวอ่อน และอาจช่วยพัฒนาการวินิจฉัยและการรักษาผู้มีบุตรยากในอนาคต 

อย่างไรก็ตาม ร่างกายอาจสูญเสียโพรไบโอติกส์ได้จากหลายปัจจัย เช่น การบริโภคอาหารแปรรูป การใช้ยาบางชนิด ความเครียด การติดเชื้อ หรืออายุที่เพิ่มขึ้น การดูแลสมดุลของจุลินทรีย์ที่ดีในร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอาจช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงสุขภาวะของอวัยวะสืบพันธุ์ในผู้หญิง สำหรับผู้ที่อยู่ระหว่างการวางแผนตั้งครรภ์หรือเตรียมตัวสำหรับกระบวนการช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น ICSI การใส่ใจสุขภาพในทุกมิติ รวมถึงการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโพรไบโอติกส์สำหรับผู้หญิง ก็อาจเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการดูแลตัวเอง ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เฟอร์ตี้ โพรไบโอติกส์ บาย ครูก้อย (Ferty Probiotics By KruKoy) 

ที่มา: ฟาสเทอร์ อแวร์เนส