กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เผยผลสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้า หรือพอต (Pod) ของเด็กและเยาวชนไทย ปี 2568 พบผู้สูบรายใหม่อายุน้อยสุด 6 ปี โดยกว่าร้อยละ 45 ที่หันมาสูบ คือ เพื่อนชวน

ดร.นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรม สบส. เผยว่า กรม สบส. โดยกองสุขศึกษา ได้ร่วมกับเครือข่ายเฝ้าระวังพฤติกรรมระดับพื้นที่สำรวจเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ การสูบบุหรี่ไฟฟ้า/พอต ของเยาวชนไทย ปี 2568ผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 40,344 คน โดยเป็นเพศหญิง ร้อยละ 51.40 เพศชาย ร้อยละ 45.47 LGBTQ+ ร้อยละ 3.13 พบกลุ่มอายุ ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามากที่สุด คือ 19–25 ปี ร้อยละ 37.62 รองลงมาคืออายุ 16–18 ปี ร้อยละ 29.26 และอายุ 13–15 ปี ร้อยละ 22.39 และยังพบว่ากลุ่มอายุ 7–12 ปี ก็ยังพบการสูบ ร้อยละ 5.65 และเมื่อวิเคราะห์ตามภูมิภาค พบว่า ภาคเหนือมีผู้สูบสูงสุด ร้อยละ 23.87 รองลงมาคือ ภาคกลาง ร้อยละ 19.63 ภาคอีสาน ร้อยละ 16.38 และภาคใต้ ร้อยละ 11.21 โดยพบพฤติกรรมการเกิดของนักสูบรายใหม่ เฉลี่ยอยู่ที่อายุ 13.34 ปี โดยมีอายุน้อยที่สุด 6 ปี ซึ่งยังอยู่ในช่วงวัยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และสูงสุดอายุ 24 ปี ผลการสำรวจพบว่าบุคคลรอบข้าง และสื่อก็ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชน โดยได้รับการชักชวนจากเพื่อนให้ลองสูบ สูงถึง ร้อยละ 45.56 และมีการเข้าถึงโฆษณาบุหรี่ไฟฟ้าผ่านเฟซบุ๊กมากที่สุด ร้อยละ 27.88 รองลงมาคือ ติ๊กต็อก ร้อยละ 27.60 ขณะที่การรับรู้เกี่ยวกับโทษและอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้าเกินครึ่งคือ ร้อยละ 52.2 มีความรู้ในระดับไม่ดี–พอใช้ สะท้อนถึงปัญหาที่น่าห่วงด้านการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า และสื่อที่มีโอกาสชักจูงให้เด็กและเยาวชนเกิดค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ดร.นายแพทย์ภานุวัฒน์ อธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากผลการสำรวจพฤติกรรมในข้างต้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันเด็กและเยาวชนไทยสามารถเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น กรม สบส. ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทในการส่งเสริมความรู้ด้านสุขภาพแก่สังคม จึงได้วางยุทธศาสตร์ร่วมกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเดินหน้าผลักดัน เครือข่ายอาสาสร้างสุขภาพ (GEN-H) ที่เป็นแกนนำด้านสุขภาพในสถานศึกษา ซึ่งมีสมาชิกกว่า 27,626 คนทั่วประเทศ ให้เป็นพลังสำคัญในการสื่อสารความรู้แก่เด็กและเยาวชนในสถานศึกษา ให้มีความเข้าใจถึงโทษและอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า ตลอดจนเน้นย้ำว่า การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนตกอยู่ในความเสี่ยง และลดจำนวนนักสูบหน้าใหม่ในสังคมไทยต่อไป