ฟิลิปส์ จัดงานสุดล้ำในอะควาเรียม เปิดตัว Philips Azurion Release 3.0 นวัตกรรมเครื่องตรวจสวนหลอดเลือดสมองรุ่นใหม่ล่าสุด

ชูคอนเซปต์พลังล้ำลึกดั่งท้องทะเล เพื่อส่งมอบการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่ดีกว่า ตอกย้ำผู้นำโซลูชันส์ Image-guided Therapy ในประเทศไทย

ฟิลิปส์ ประเทศไทย ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพระดับโลกจัดงานเปิดตัวนวัตกรรมเครื่องตรวจสวนหลอดเลือดสมองรุ่นล่าสุด Philips Azurion Release 3.0 ที่มาพร้อมเทคโนโลยี SmartCT ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหลอดเลือดสมองและประสาทวิทยาในประเทศไทย โดยชูคอนเซปต์พลังเครื่องสุดล้ำลึกดั่งท้องทะเล ออกแบบมาเพื่อปฏิวัติการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองและโรคทางประสาทวิทยาที่มีความซับซ้อน ตอกย้ำความเป็นผู้นำในพอร์ทโฟลิโอ Image-guided Therapy ณ SEA LIFE Bangkok Ocean World ศูนย์การค้าสยามพารากอน

จากข้อมูลขององค์การโรคหลอดเลือดสมองโลก(WSO) พบว่า 1 ใน 4 ของผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป มักมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต ซึ่งมีการประเมินว่าค่าใช้จ่ายทั่วโลกที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมอาจสูงถึง 891,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี สำหรับประเทศไทย โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 2 และเป็นสาเหตุของการพิการทุพพลภาพในระยะยาว โดยมีรายงานพบผู้พิการและทุพพลภาพกว่า 250,000 รายต่อปี และจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขในปีพ.ศ. 2567 พบผู้ป่วยสะสมโรคหลอดเลือดสมอง 358,062 ราย และเสียชีวิตมากถึง 39,086 ราย ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุ และภาวะไขมันในเลือดสูงและโรคเบาหวาน กุญแจสำคัญในการลดผลกระทบจากโรคหลอดเลือดสมอง ทั้งต่อชีวิต สังคม และค่าใช้จ่ายในการรักษา คือหลัก ‘รู้ เร็ว รอด’ เพราะยิ่งตรวจพบโรคและรักษาได้เร็ว ส่งผลต่ออัตราการรอดชีวิตและผลการรักษาที่ดีได้

ยกระดับการทำหัตถการแผลเล็กของโรคหลอดเลือดสมอง

การทำหัตถการชนิดแผลเล็ก (Minimally Invasive Procedures) ถือเป็นส่วนสำคัญในการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง เมื่อเวลาทุกนาทีล้วนมีความหมายต่อการรักษาและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ด้วยเครื่องตรวจสวนหลอดเลือดสมองรุ่นล่าสุด Philips Azurion Release 3.0 มาพร้อมโซลูชั่นส์ที่ช่วยวางแผนการรักษาโรคหลอดเลือดสมองที่ซับซ้อนได้ เช่น การซ่อมแซมหลอดเลือดโป่งพองในสมอง และความผิดปกติของหลอดเลือดแต่กำเนิด และยังช่วยให้การวินิจฉัยผู้ป่วยสามารถข้ามบางขั้นตอนการถ่ายภาพเอกซเรย์ด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ในห้องฉุกเฉิน ด้วยการนำผู้ป่วยเข้าสู่เครื่องตรวจสวนหลอดเลือดสมองโดยตรง เพื่อลดระยะเวลาในการช่วยเหลือผู้ป่วยให้สั้นลงอย่างมีนัยสำคัญ เพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวของผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของโรคหลอดเลือดสมองตีบ (Large Vessel Occlusion – LVO)

แพทย์หญิงคอนคอน โมลิน่า Head of Image Guided Therapy Systems ฟิลิปส์ เอเชีย-แปซิฟิก (APAC) และ Marketing Leader, Growth Region, ฟิลิปส์ กล่าวว่า “ด้วยจำนวนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย เราจึงเล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สามารถสนับสนุนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพในการทำหัตถการ สำหรับเครื่องตรวจสวนหลอดเลือดสมอง Philips Azurion รุ่นใหม่นี้ออกแบบมาจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก เพื่อตอบโจทย์ด้านความรวดเร็ว ความแม่นยำ และความมั่นใจในการทำหัตถการ โดยเราเชื่อว่าด้วยนวัตกรรมรุ่นใหม่นี้จะช่วยให้การรักษาโรคหลอดเลือดสมองมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และช่วยลดผลกระทบระยะยาวของโรคหลอดเลือดสมองได้”

Philips Azurion Release 3.0 นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ขั้นตอนการทำหัตถการเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องใช้ภาพแสกนทั้งแบบ 2 มิติ และ 3 มิติร่วมกัน และเมื่อใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ Neuro Suite รุ่นล่าสุดของฟิลิปส์ จะกลายเป็นโซลูชั่นส์ที่ครบวงจรในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ด้วยการผสานภาพที่ได้จากเทคโนโลยี ClarityIQ ซึ่งให้ภาพคมชัดแต่ใช้ปริมาณรังสีน้อย กับเครื่องมือเฉพาะทางสำหรับโรคทางระบบประสาทและสมอง ช่วยสนับสนุนการทำงานของแพทย์ในห้องหัตการให้มีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่น และสามารถควบคุมได้

นอกจากนี้ ฟีเจอร์ใหม่ของ Philips Azurion Release 3.0 ยังประกอบด้วยการปรับปรุงทิศทางการหมุนและความเร็วในการเคลื่อนที่ของแขน C-arm ของเครื่อง ให้ได้มุมองศาของการถ่ายภาพที่ดีขึ้น และระบบหยุดแขนกลที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนจากภาพ 2 มิติ ไปเป็น 3 มิติ ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีแผงควบคุมที่สามารถใช้งานได้บริเวณเตียงผ่าตัด โดยแพทย์ไม่ต้องเดินออกจากเขตปลอดเชื้อ, ฟังก์ชันการหมุนลำแสงอัตโนมัติเพื่อให้ได้ภาพที่แม่นยำและเห็นชัดในทุกมุมมอง, และอุปกรณ์รองรับศีรษะรุ่นใหม่เพื่อการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองโดยเฉพาะ นอกจากนี้ Philips Azurion Release 3.0 รุ่นใหม่นี้ยังมาพร้อมออพชั่น SmartCT Soft Tissue Helical ซึ่งช่วยให้สามารถวินิจฉัยโรคหลอดเลือดสมองได้ด้วยภาพที่ใกล้เคียงกับการทำ CT สแกนภายในห้องหัตถการเลยในคราวเดียว

ขับเคลื่อนนวัตกรรมผ่านความร่วมมือทางคลินิก

งานเปิดตัวในครั้งนี้ได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหลอดเลือดสมองของไทยและนานาชาติ เพื่อร่วมพูดคุยถึงอนาคตของการดูแลรักษาโรคหลอดเลือดสมองในประเทศไทย โดย ศาสตราจารย์ Kuniyasu Niizuma จากมหาวิทยาลัยโทโฮคุ ประเทศญี่ปุ่นได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์จากการทดลองใช้เครื่องตรวจสวนหลอดเลือดสมองรุ่นล่าสุด Philips Azurion Release 3.0 ขณะที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากไทย ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์จาตุรนต์ ตัณติวัฒนะ หัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์อิทธิชัย สาครัญชัย ศัลยแพทย์ระบบประสาทและรังสีร่วมรักษาระบบประสาท โรงพยาบาลตากสิน, นายแพทย์วิน ธีรพันธ์เจริญ ศัลยแพทย์ระบบประสาทและรังสีร่วมรักษาระบบประสาท โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และนายแพทย์ภูมิธรรม ลิ้มวัฒนานนท์ ศัลยแพทย์ระบบประสาทและรังสีร่วมรักษาระบบประสาท โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ยังได้ร่วมเสวนาถึงความสำคัญต่อการพัฒนาแนวทางการรักษาโรคหลอดเลือดสมองในประเทศไทย

นายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โรคหลอดเลือดสมองยังคงเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตและความพิการในประเทศไทย ในขณะที่ช่วงเวลาทองของการเข้ารับการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง คือ ภายใน 60 นาทีแรกหลังเริ่มมีอาการ หรือภายใน 4.5 ชั่วโมงในผู้ป่วยบางราย ซึ่งหากผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างรวดเร็วจะช่วยให้ได้รับผลการรักษาที่ดี และลดความเสี่ยงต่อการพิการตลอดชีวิต นอกจากนี้ ความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งจากฟิลิปส์ ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ กับผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองให้ดีขึ้นได้ สำหรับการเปิดตัวนวัตกรรมเครื่องตรวจสวนหลอดเลือด Philips Azurion Release 3.0 ในวันนี้ นอกจากเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ของฟิลิปส์ ยังถือเป็นการเสริมทัพพอร์ทโฟลิโอในกลุ่ม Image-guided Therapy ที่เป็นผู้นำในตลาดของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในฐานะเจ้าตลาด เราหวังว่าจะด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ที่นำมาเสนอนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และยกระดับระบบสาธารณสุขไทย เพื่อช่วยในการดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที และพร้อมรองรับผู้ป่วยที่มากขึ้นในอนาคตด้วย”

ที่มา: เฟลชแมน ฮิลลาร์ด