นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินหน้ารณรงค์ให้ประชาชน “นับคาร์บ” เพื่อการดูแลสุขภาพคนไทย ลดอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค NCDs ภายใต้นโยบาย “คนไทยห่างไกล NCDs” พร้อมสนับสนุนการเลือกกินคาร์บที่มีคุณภาพดี มีดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low Glycemic Index) ซึ่งค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index: GI) หมายถึง ค่าที่บ่งบอกการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือด เมื่ออาหารผ่านการย่อยและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดหลังกินอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต โดยอาหารที่มีค่า GI ต่ำ ร่างกายจะค่อย ๆ ย่อยและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้า ๆ เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคอ้วน และเหมาะสำหรับประชาชนทั่วไปที่ใส่ใจสุขภาพ

“ทั้งนี้ จากข้อมูลของ IDF Diabetes Atlas ปี 2564 พบว่า 1 ใน 10 คน ทั่วโลก หรือราว 537 ล้านคน ป่วยด้วยโรคเบาหวาน และเสียชีวิตมากกว่า 4 ล้านคนต่อปี คาดว่าภายในปี 2573 จะเพิ่มขึ้นเป็น 643 ล้านคน และภายในปี 2588 จะเพิ่มมากถึง 783 ล้านคน และเกือบครึ่งหนึ่งยังไม่ได้รับการวินิจฉัย สำหรับประเทศไทยพบผู้ป่วยเบาหวาน 6.5 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และร้อยละ 40 ที่ไม่ทราบว่าตัวเองป่วย ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงต่อโรคแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ ไตวายและโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าใจหลักโภชนาการและมีความรอบรู้ในเรื่องการบริโภคอาหารอย่างถูกต้อง นับเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า การส่งเสริมพฤติกรรมการบริโภคที่ถูกต้อง ไม่เพียงแต่ลดการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม แต่ต้องเลือกบริโภคอย่างเข้าใจ ทั้งชนิดและปริมาณให้เหมาะสม โดยเลือกชนิดอาหารที่มีค่า GI ต่ำ ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวกข.43 ผักและผลไม้บางชนิด เช่น บล็อกโคลี กะหล่ำปลี ผักกาดแก้ว พริกหยวก เห็ด ฝรั่ง กล้วยน้ำว้า แก้วมังกร มะม่วง เป็นต้น โดยจะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และคงที่ ซึ่งการนับคาร์บและเลือกแหล่งอาหาร GI ต่ำ จะช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดไขมันสะสม และทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ในทางกลับกันหากเลือกชนิดอาหารที่มีค่า GI สูง เช่น ข้าวขาว น้ำตาล ขนมอบ และเครื่องดื่มรสหวาน จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้น เร็วมากกว่า
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยยังคงขานรับนโยบาย“นับคาร์บ” ของกระทรวงสาธารณสุข ด้วยการส่งเสริมความรอบรู้ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะให้ประชาชนเลือกกินอาหารที่มีความหลากหลาย และเลือกกินคาร์บหรือคาร์โบไฮเดรตที่มีคุณภาพดีซึ่งตรงกับอาหารที่มีค่า GI ต่ำ เช่น เลือกข้าวกล้อง ข้าวกข.43 แทนข้าวขาว ลดการกินน้ำตาล เลือกผักผลไม้ที่มีค่า GI ต่ำ และวางแผนการกินด้วยการนับคาร์บ ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว กรมอนามัยยังได้จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์และคู่มือสำหรับประชาชนในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เช่น อินโฟกราฟิก และเว็บไซต์ (www.นับคาร์บ.com ) รวมถึงกิจกรรมให้คำปรึกษาในโรงพยาบาลและชุมชน โดยเน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ที่มีภาวะอ้วน ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงทุกกลุ่มวัย ทั้งนี้ นอกจากจะเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้ว ยังต้องเน้นอาหารที่สะอาดปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และนอนหลับพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค NCDs เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนอีกด้วย