นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวกรณีมีข้อสังเกตโครงการ Block 33 ซอยจุฬาลงกรณ์ 9 ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดและการตรวจสอบมาตรการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้างว่า ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 33 และฉบับที่ 50 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ข้อ 2 วรรค 2 ได้กำหนดให้ที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งอาคารสูง หรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษที่มีพื้นที่อาคารรวมกันทุกชั้นมากกว่า 30,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ต้องมีด้านหนึ่งด้านใดติดถนนสาธารณะที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร และต้องเชื่อมต่อกับถนนสาธารณะกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตรโดยตลอด รวมถึงต้องสามารถใช้เป็นทางเข้า–ออกของรถดับเพลิงได้สะดวก จากการตรวจสอบพบว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 2057 มีถนนสาธารณะล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ทิศเหนือ ติดถนนพระรามที่ 1 กว้าง 24.50–29.50 เมตร ทิศใต้ ติดถนนพระรามที่ 4 กว้าง 40.00–53.50 เมตร ทิศตะวันออก ติดถนนพญาไท กว้าง 33.45–34.80 เมตร และทิศตะวันตก ติดถนนบรรทัดทอง กว้าง 20.00 เมตร จึงถือว่าปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านเขตทางครบถ้วนและไม่ได้ขัดต่อกฎหมายควบคุมอาคารแต่อย่างใด ส่วนข้อสังเกตที่ระบุถึงซอยจุฬาฯ 5, 9, 26 และ 32 สนย. ยืนยันว่าเป็นถนนส่วนบุคคลของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มิได้เป็นถนนสาธารณะ จึงไม่อยู่ในเกณฑ์พิจารณาตามกฎกระทรวงดังกล่าว
ทั้งนี้ อาคารดังกล่าวได้รับการแจ้งก่อสร้างตามมาตรา 39 ทวิ โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นผู้ยื่นคำขอก่อสร้างอาคารสูง 50 ชั้น (3 ทาวเวอร์ ทาวเวอร์ 1 สูง 50 ชั้น ทาวเวอร์ 2 สูง 43 ชั้น และทาวเวอร์ 3 สูง 7 ชั้น) พื้นที่ใช้สอยรวม 154,825 ตร.ม. ใช้เป็นอาคารอยู่อาศัยรวม 1,803 ห้อง พร้อมพื้นที่พาณิชย์ สำนักงาน และที่จอดรถ 1,058 คัน รวมทั้งอาคารดังกล่าวยังได้รับความเห็นชอบรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ตามหนังสือที่ ทส 1010.5/10099 ลงวันที่ 4 ส.ค. 63 โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ทราบแบบแปลนอาคารเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 67 และมีหนังสือแจ้งต่ออธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแล้ว ปัจจุบันการก่อสร้างงานโครงสร้างแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างติดตั้งระบบต่าง ๆ และงานสถาปัตยกรรม โดย สนย. จะออกหนังสือกำชับให้ผู้รับแจ้งก่อสร้างปฏิบัติตามรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ เป็นประจำทุกเดือน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและลดความเดือดร้อนที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนรอบพื้นที่