นางสาวทัศนีย์ เมืองแก้ว รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดการประชุม “Bioeconomy Innovations and Investments Forum” ร่วมกับนายอาลู โดฮง ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ FAO และผู้แทน FAO ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Alue Dohong Assistant Director-General, FAO, Bangkok) พร้อมด้วยการกล่าวปาฐกถาพิเศษจาก ฯพณฯ มิลลิเซนท์ ครูซ พาเรเดส เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย (H.E.Millicent Cruz Paredes Ambassador of the Republic of the Philippines to the Kingdom of Thailand) โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ เอกชน องค์การระหว่างประเทศ และสมาคมต่าง ๆ เข้าร่วม ณ โรงแรมอมารี กรุงเทพมหานคร

รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สำหรับการประชุมในครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกได้แลกเปลี่ยนนวัตกรรม เทคโนโลยี และแนวทางการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ เศรษฐกิจชีวภาพ ไม่ว่าจะเป็นการลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร การพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการผลิต การแปรรูปของเหลือใช้ให้มีมูลค่าเพิ่ม หรือการเชื่อมโยงผู้ประกอบการนวัตกรรมกับนักลงทุน เพื่อให้เกิดการขยายผลในระดับประเทศและภูมิภาค อีกทั้งสร้างความร่วมมือด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และการลงทุนในเศรษฐกิจชีวภาพ ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ได้แก่ การลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร การพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการผลิตและแปรรูป การเพิ่มมูลค่าของเหลือใช้ทางการเกษตรและการเชื่อมโยงผู้ประกอบการนวัตกรรมกับนักลงทุน
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการกำหนดทิศทางการพัฒนาของไทยผ่าน BCG Model ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ โดยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 3 มิติ คือ ชีวภาพ (Bioeconomy) หมุนเวียน (Circular Economy) และสีเขียว (Green Economy) และเน้นย้ำในการผลักดันงาน BCG อย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการนำร่องในหลายจังหวัด เช่น ราชบุรี ลำปาง ขอนแก่น จันทบุรี และพัทลุง เพื่อพัฒนาสินค้าเกษตรแบบครบวงจรร่วมกับทุกภาคส่วน พร้อมทั้งขับเคลื่อนภาคเกษตรสู่ “3 สูง” คือ ประสิทธิภาพสูง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาตรฐานสูง ผ่านการส่งเสริมเกษตรปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรายได้สูง ด้วยการเพิ่มมูลค่าและขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนส่งเสริมร่วมมือกับทุกภาคีทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลก ในการถ่ายทอดเทคโนโลยี พัฒนาบุคลากร และส่งเสริมนวัตกรรมด้านเกษตรและอาหาร เพื่อผลักดัน Bioeconomy ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการกำหนดทิศทางการพัฒนาของไทยผ่าน BCG Model ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ โดยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 3 มิติ คือ ชีวภาพ (Bioeconomy) หมุนเวียน (Circular Economy) และสีเขียว (Green Economy) และเน้นย้ำในการผลักดันงาน BCG อย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการนำร่องในหลายจังหวัด เช่น ราชบุรี ลำปาง ขอนแก่น จันทบุรี และพัทลุง เพื่อพัฒนาสินค้าเกษตรแบบครบวงจรร่วมกับทุกภาคส่วน พร้อมทั้งขับเคลื่อนภาคเกษตรสู่ “3 สูง” คือ ประสิทธิภาพสูง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาตรฐานสูง ผ่านการส่งเสริมเกษตรปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรายได้สูง ด้วยการเพิ่มมูลค่าและขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนส่งเสริมร่วมมือกับทุกภาคีทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลก ในการถ่ายทอดเทคโนโลยี พัฒนาบุคลากร และส่งเสริมนวัตกรรมด้านเกษตรและอาหาร เพื่อผลักดัน Bioeconomy ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
ในโอกาสนี้ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวแสดงความยินดีต่อ FAO และทุกภาคีที่มีส่วนร่วม สำหรับการจัดการประชุมในครั้งนี้ เพื่อร่วมกันสร้างแนวทางใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพสู่ความยั่งยืนของภูมิภาคและของโลก และบรรลุเป้าหมายด้านนโยบาย การลงทุน ความร่วมมือ เพื่อสร้างระบบอาหารที่มั่นคง ปลอดภัย และยั่งยืน
