ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล จับมือมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ สานต่อโครงการ Food for Good Deed (อาหารปันสุข) ปีที่ 6 ส่งต่ออาหารส่วนเกินกว่า 6.7 ล้านมื้อสู่ชุมชน

ภายใต้ภารกิจ ‘Zero Food Waste’ พร้อมขยายเครือข่ายครอบคลุม 106 สาขาทั่วประเทศ

ท็อปส์ ธุรกิจกลุ่มฟู้ด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เร่งสปีดแผนงานด้านความยั่งยืน จับมือมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS Thailand) จัดกิจกรรม “Food for Good Deed (อาหารปันสุข)” สานต่อภารกิจ “Zero Food Waste” การลดปริมาณขยะอาหารให้เหลือน้อยที่สุดหรือเป็นศูนย์ผ่านการเปลี่ยนอาหารส่วนเกินให้กลายเป็นเมนูอิ่มท้องที่สะอาด ปลอดภัย และอุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อส่งต่อสู่ชุมชนอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 โดยสามารถส่งมอบอาหารส่วนเกินจากซูเปอร์มาร์เก็ตสู่ชุมชนรวมแล้วกว่า 6.7 ล้านมื้อ ในปีนี้ ท็อปส์ได้ขยายจำนวนสาขาที่เข้าร่วมโครงการให้ครอบคลุมทั้งในเขตเมืองและภูมิภาคอีกกว่า 44 สาขา รวมทั้งสิ้น 106 สาขาทั่วประเทศ ตอกย้ำความมุ่งมั่นเชิงกลยุทธ์ของท็อปส์ในการจัดการอาหารอย่างมีประสิทธิภาพ ลดอาหารที่อาจกลายเป็นขยะ (Food Waste) ที่ส่งผลต่อปัญหาโลกร้อน พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยตั้งเป้าลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากขยะอาหารกว่า 4,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี 2569

นายจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด, ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ปัจจุบันปัญหาขยะอาหารได้กลายเป็นหนึ่งในความท้าทายระดับโลก และสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และคุณภาพชีวิตอย่างต่อเนื่อง โดยจากรายงานล่าสุดของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ในปี 2567 ที่ผ่านมาระบุว่า ปริมาณขยะอาหารทั่วโลกเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 74 กิโลกรัมต่อคนต่อปี เป็น 79 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ขณะที่ประเทศไทยกลับมีตัวเลขสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก โดยอยู่ที่ 86 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียนอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงความท้าทายที่ไทยจำเป็นต้องเร่งหามาตรการจัดการปัญหานี้อย่างจริงจังและยั่งยืน ท็อปส์ ในฐานะผู้นำฟู้ดค้าปลีกมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาดังกล่าวฯ จึงได้ร่วมมือกับมูลนิธิ SOS Thailand จัดกิจกรรม “Food for Good Deed (อาหารปันสุข)” เพื่อให้อาหารที่ยังทานได้ไม่ถูกทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ และผลักดันภารกิจ ‘Zero Food Waste’ อย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 6 ปี ตั้งแต่ปี 2562 ในการส่งมอบอาหารส่วนเกินที่คงคุณภาพจากซูเปอร์มาร์เก็ตสู่ชุมชนขาดแคลนในเขตกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด รวมแล้วกว่า 6.7 ล้านมื้อ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากขยะอาหารได้มากถึง 3,570 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

และในปีนี้ เราได้ขยายความร่วมมือภายใต้โครงการให้ครอบคลุมสาขาท็อปส์อีกกว่า 44 แห่งทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 106 สาขา เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าอาหารที่ยังสามารถบริโภคได้จะถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในแนวทางการปฏิบัติของท็อปส์เพื่อลด Food Waste ในห่วงโซ่ค้าปลีกตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ต้นน้ำด้วยการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์และคาดการณ์ปริมาณการผลิตและจำหน่ายสินค้าได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น เพื่อลดปริมาณอาหารเหลือทิ้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดไปจนถึงปลายน้ำด้วยการสร้างจิตสำนึกในการช่วยลด Food Waste ด้วยการชวนผู้บริโภคมาร่วมเป็นฮีโร่เปลี่ยนมุมมองใหม่ในการซื้อสินค้า ที่ใกล้หมดอายุ แต่ยังคงคุณภาพดี ในราคาลดพิเศษ เพื่อลดการเหลือทิ้งสินค้าใกล้หมดอายุโดยเปล่าประโยชน์ ภายใต้แคมเปญ “Food Hero, Taste not Waste” ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของท็อปส์ ในการบริหารจัดการอาหารอย่างมีความรับผิดชอบพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนแนวทางความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง”

ล่าสุดได้มีการลงพื้นที่จัดกิจกรรม “Food for Good Deed (อาหารปันสุข)” ณ ชุมชนริมคลองหลักสี่ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ร่วมกับเหล่าเพื่อนพนักงานชาวท็อปสเตอร์ เพื่อนำวัตถุดิบคุณภาพจากท็อปส์ อาทิ ผักและเนื้อสัตว์ มาปรุงเป็นมื้ออาหารร้อนที่สะอาด ปลอดภัย และอุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ไม่ว่าจะเป็นเมนูส้มตำ, หมูสามชั้นลวกจิ้ม, ไก่ทอด, ยำไก่แซ่บ, ต้มยำแซลมอน และอื่นๆ เพื่อแจกจ่ายให้กับคนในพื้นที่และชุมชนใกล้เคียง โดยนอกจากการมอบอาหารแล้วยังมีการจัดกิจกรรมพูดคุยและรับฟังความต้องการด้านอาหารของชุมชนอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ความช่วยเหลือที่ตอบโจทย์และตรงกับความต้องการ กิจกรรมครั้งนี้ยังมีนักศึกษาวิทยาลัยดุสิตธานี มาร่วมสาธิตและแลกเปลี่ยนความรู้กับชุมชน ทั้งเทคนิคการประกอบอาหาร ความสร้างสรรค์ในเมนูอาหาร และร่วมลงมือปรุงอาหารในครัวชุมชนควบคู่กับชาวท็อปสเตอร์ นับเป็นการเสริมสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับชุมชน (Employee–Community Engagement) ซึ่งสะท้อนถึงความรับผิดชอบร่วมกันขององค์กรและสังคมโดยรอบ ภายใต้กลยุทธ์ ‘12 Missions to Sustainable Retail’ และตอกย้ำความเชื่อมั่นว่าความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้จากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนตามแนวคิด ‘Small Acts Together’ และปรัชญา CRC Care ของเซ็นทรัล รีเทล

“นอกจากนี้ ท็อปส์ยังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจพร้อมสร้างคุณค่าในทุกมิติทั้งสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ อีกมากมาย อาทิ การใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV Truck) การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เบียร์จากขวดแก้วเป็นกระป๋องอะลูมิเนียมบนเกาะพะงัน ตลอดจนการอัปไซเคิลป้ายไวนิลเก่าใช้แล้วจากร้านท็อปส์ เดลี่ สู่กระเป๋าช้อปปิ้งใบใหม่ในแคมเปญ Pretty Ugly Bag เพื่อหนุนการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า” นายจักรกฤษณ์ กล่าวสรุป

ที่มา: เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น