นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือมาตรการ “สังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้า” ตามนโยบายของรัฐบาล เตรียมเสนอ แก้ไขกฎหมาย ปปง. เพื่อให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในมูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงิน เปิดทางให้รัฐสามารถดำเนินการยึดทรัพย์และขยายผลถึงขบวนการเบื้องหลัง

วันที่ 10 ตุลาคม 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือมาตรการ “สังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้า” ตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งให้ความสำคัญและตระหนักถึงภัยคุกคามของบุหรี่ไฟฟ้าต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะการป้องกันในกลุ่มเยาวชน การประชุมในครั้งนี้ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมทั้งสิ้น 23 หน่วยงาน โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ผู้ประสานงานหลัก ในการบูรณาการความร่วมมือ เพื่อให้การดำเนินการเกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ
ในที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าอย่างรอบด้าน ภายใต้กรอบแผนปฏิบัติการ “สังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้า” ประกอบด้วย 4 มาตรการหลัก ได้แก่ (1) มาตรการป้องกัน ที่เน้นการสร้างพื้นที่ปลอดบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา การสร้างความตระหนักรู้ในกลุ่มเยาวชน (2) มาตรการปราบปราม ในการดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการครอบครอง จำหน่าย การลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า โดยใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด (3) มาตรการเฝ้าระวัง โดยเน้นการติดตามและสกัดกั้นการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านช่องทางออนไลน์ และ (4) มาตรการแก้ไขกฎหมาย โดยบูรณาการกฎหมายให้การแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ นายสันติ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจังและเป็นระบบ โดยครอบคลุมทั้ง มาตรการป้องกัน ปราบปราม และเฝ้าระวัง เพื่อตัดวงจรปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ประชุมมีข้อเสนอและความเห็นร่วมกัน ดังนี้ การสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า อย่างจริงจังในทุกระดับ ทั้งในกลุ่มเด็กและเยาวชน ผู้ปกครอง รวมถึงประชาชนทั่วไป โดยเน้นการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างครอบคลุม พร้อมบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิด และลดอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชนอย่างเป็นรูปธรรม และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพิจารณาแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการฟอกเงิน โดยเตรียมเสนอประเด็นต่อคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแก้ไข พระราชบัญญัติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ให้การกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเป็นความผิดมูลฐานหนึ่งของการฟอกเงิน เพื่อขยายผลการจับกุมถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง พร้อมดำเนินการทางกฎหมายแบบถอนรากถอนโคน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งการดำเนินมาตรการเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้านั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการร่วมกันป้องกัน ปราบปราม เฝ้าระวัง และแก้ไขกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่การสร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยจากบุหรี่ไฟฟ้าอย่างแท้จริง ผมยอมไม่ได้ที่จะให้บุหรี่ไฟฟ้ามอมเมา ทำลายเยาวชนของชาติ” นายสันติ กล่าว
