สื่อไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือสื่อสาร แต่คือ “สิ่งแวดล้อม” ที่หล่อหลอมตัวตนของเด็กๆ การสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ให้เด็กเติบโตอย่างมีสุขภาวะจึงเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องอาศัยการทำงานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชุมชน “โนนโพธิ์-โนนกุง” ที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นสะพานเชื่อมสู่การสร้าง “นิเวศสื่อสุขภาวะ” ของเด็กๆ

จากการดำเนินโครงการ “มหัศจรรย์นิเวศสื่อสุขภาวะเพื่อเด็กปฐมวัย” โดยการสนับสนุนจากสำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา (สำนัก11) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ภายใต้การบริหารงานโดยกลุ่ม wearehappy องค์กรสาธารณประโยชน์ ที่ผ่านมา ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านโนนโพธิ์ ตำบลชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ ได้ต่อยอดกระบวนการ สามดี (สื่อดี พื้นที่ดี ภูมิดี ) ร่วมกับชุมชนด้วยการสร้าง “นิเวศเพื่อการพัฒนาเด็ก” จนเกิด “นักสื่อสารสุขภาวะที่ดี” ในพื้นที่ ซึ่งเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนกิจกรรม เด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านสื่อจากธรรมชาติที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต สะท้อนถึงการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ในการสร้างภูมิดีให้กับเด็กๆ
บทเรียนความสำเร็จและความร่วมมือที่เข้มแข็งของคณะทำงาน ชุมชน และปราชญ์ท้องถิ่นขยายผลสู่การทำโครงการ “นิเวศสื่อสุขภาวะ ฉลาดรู้เท่าทันสื่อ” พัฒนาขึ้นเพื่อเสริมสร้างและขยายผลสิ่งดีๆ ที่มีอยู่แล้ว โดยมุ่งเน้นการสร้างนักสื่อสารสุขภาวะรุ่นใหม่, พัฒนากลไกเครือข่ายให้ครอบคลุม และจัดการองค์ความรู้เพื่อการเผยแพร่สู่สาธารณะ เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กและเยาวชนจะเติบโตขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์และมีสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน
กิจกรรม “โปงลาง Soft Power สร้างสรรค์โดยเด็กโนนกุง” เป็นการดำเนินงาน ร่วมกับโรงเรียนบ้านโนนกุง ร่วมกันสืบสานภูมิปัญญาผ่านการประดิษฐ์เครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานอย่าง “โปงลาง” จากวัสดุที่หาได้ง่ายในชุมชน
ครูศุภณัฐ ธิบูรณ์บุญ ครูโรงเรียนบ้านโนนกุง หนึ่งในภาคีคนสำคัญของโครงการ เล่า ว่า “กิจกรรมนี้ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้กระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ ช่วยปลูกฝังทักษะการทำงานเป็นทีม ความคิดสร้างสรรค์ และความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมท้องถิ่น โปงลางที่สร้างขึ้นด้วยมือของเด็กๆ ได้นำมาใช้เป็นสื่อประกอบการเรียนการสอนดนตรีในห้องเรียน ซึ่งทำให้บรรยากาศการเรียนรู้เต็มไปด้วยความสุข และสนุกสนาน การที่เด็กได้ฝึกฝนด้านทักษะดนตรีนั้น ส่งผลต่อการสร้างความเข้มแข็งของจิตใจ มีความละเอียดอ่อนทางสุนทรียภาพ และมีความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญในการใช้ชีวิตในโลกยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ กิจกรรมที่สร้างความสนุกสนานยังช่วยลดเวลาการเล่นโทรศัพท์และเกมลงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ถือเป็นการสร้าง “ภูมิดี” ให้กับเด็กๆ โดยที่พวกเขาไม่รู้สึกว่าถูกบังคับ
ครูเสาวนีย์ ผางทอง ศูนย์พัฒนาแด็กเล็กบ้านโนนโพธิ์ ผู้รับผิดชอบโครงการเล่าว่า “กิจกรรมเหล่านี้นำไปสู่การสร้างทักษะชีวิตที่เข้มแข็งของเด็กๆ การขยายผลเรื่องสื่อสร้างสรรค์และการพัฒนาเด็กในชุมชนโนนโพธิ์-โนนกุง เป็นการสร้างเครือข่ายและการสานพลังระหว่างโรงเรียน ชุมชน และผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่น คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เด็กๆ เติบโตอย่างรอบด้าน พร้อมก้าวสู่การเป็นพลเมืองคุณภาพที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและเท่าทันสื่อในอนาคต”
นางสาวสายใจ คงทน หัวหน้าโครงการพัฒนานิเวศสื่อสุขภาวะ แนะนำเพิ่มเติม ว่า เรื่องราวของโปงลางที่สร้างสรรค์จากฝีมือเด็กๆ ในชุมชนโนนโพธิ์-โนนกุง เป็นการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วยแนวคิด “นิเวศสื่อสุขภาวะ” สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และมีผู้ปกครอง ซึ่งเป็นบุคคลแวดล้อมเด็ก เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน ได้ดังนี้
- สื่อดี ผู้ปกครองสนับสนุนให้ลูกใช้สื่อที่สร้างสรรค์และมีคุณค่า โดยการส่งเสริมให้ลูกเข้าร่วมกิจกรรม “โปงลาง Soft Power” ที่โรงเรียน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจาก “สื่อหน้าจอ” มาสู่ “สื่อที่ไม่สำเร็จรูป” อย่างโปงลางที่เด็กๆ สร้างขึ้นเอง และเมื่อลูกได้สัมผัสสื่อดีๆ แล้ว ก็เกิดความติดใจและอยากกลับมาทำกิจกรรมต่อที่บ้าน
- พื้นที่ดี จากที่โรงเรียนได้จัดพื้นที่ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และฝึกซ้อม ผู้ปกครองก็สานต่อด้วยการสร้าง “พื้นที่ดี” ขึ้นที่บ้าน โดยการเปิดพื้นที่ให้ลูกชวนเพื่อนๆ มาซ้อมดนตรีด้วยกัน ทำให้บ้านกลายเป็นศูนย์รวมแห่งการเรียนรู้และผ่อนคลาย สร้างบรรยากาศเชิงบวกที่เต็มไปด้วยเสียงดนตรีแทนที่จะเป็นความเงียบเหงาหรือเสียงจากเกม
- ภูมิดี การสนับสนุนให้ลูกมีส่วนร่วมในกิจกรรมดนตรีอย่างต่อเนื่อง ผู้ปกครองได้สร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ให้ลูกอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเมื่อเด็กๆ ได้ค้นพบความสนุก ความภาคภูมิใจ และการผ่อนคลายจากการเล่นดนตรี พฤติกรรมการติดโทรศัพท์หรือเกมก็ลดลงไปโดยอัตโนมัติ สะท้อนให้เห็นว่าการสร้างภูมิดีไม่ใช่แค่การห้าม แต่คือการเติมเต็มด้วยกิจกรรมที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์กับจิตใจของเด็กอย่างแท้จริง
ชุมชนโนนโพธิ์-โนนกุง ได้ดำเนินการผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นกับความคิดสร้างสรรค์สามารถเปลี่ยน “เด็กติดจอ” ให้กลายเป็น “เด็กติดใจ” ในสิ่งที่มีคุณค่า สร้างพัฒนาการที่เหมาะสมกับเด็กๆในชุมชน
