เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่ามีพื้นที่บางส่วนเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายไม่ทัน ในช่วงวันที่ 15 – 17 สิงหาคม 2568 ดังนี้

1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และน้ำท่วมขัง ดังนี้

1.1 ภาคเหนือ บริเวณ จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย พาน แม่ฟ้าหลวง แม่ลาว
แม่สรวย และเวียงป่าเป้า) จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอปาย และสบเมย) จังหวัดเชียงใหม่ (อำเภอดอยสะเก็ด แม่แตง เวียงแหง และอมก๋อย) จังหวัดลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน แม่ทา และบ้านธิ) จังหวัดลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง แม่ทะ ห้างฉัตร และเมืองปาน) จังหวัดพะเยา (อำเภอเมืองพะเยา ปง และเชียงคำ) จังหวัดน่าน (อำเภอเชียงกลาง ท่าวังผา นาน้อย บ่อเกลือ และปัว) จังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง แม่ระมาด แม่สอด และอุ้มผาง) จังหวัดพิษณุโลก (อำเภอเมืองพิษณุโลก ชาติตระการ นครไทย บางระกำ และวังทอง) จังหวัดเพชรบูรณ์ (อำเภอหล่มเก่า)

1.2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณ จังหวัดเลย (อำเภอเมืองเลย เชียงคาน ด่านซ้าย และปากชม) จังหวัดหนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย ท่าบ่อ และสระใคร) จังหวัดบึงกาฬ (อำเภอโซ่พิสัย) จังหวัดอุดรธานี (อำเภอเมืองอุดรธานี กุดจับ น้ำโสม บ้านผือ และเพ็ญ) จังหวัดสกลนคร (อำเภอวานรนิวาส) จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอโขงเจียม เดชอุดม ตระการพืชผล ตาลสุม นาจะหลวย น้ำยืน บุณฑริก พิบูลมังสาหาร ศรีเมืองใหม่ และสิรินธร)

1.3 ภาคตะวันออก บริเวณ จังหวัดชลบุรี (อำเภอบางละมุง และศรีราชา) จังหวัดระยอง (อำเภอเมืองระยอง บ้านค่าย ปลวกแดง และนิคมพัฒนา) จังหวัดจันทบุรี (อำเภอเมืองจันทบุรี และขลุง) จังหวัดตราด (อำเภอเมืองตราด เขาสมิง คลองใหญ่ บ่อไร่ และแหลมงอบ)

1.4 ภาคใต้ บริเวณ จังหวัดชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร พะโต๊ะ และหลังสวน) จังหวัดระนอง (อำเภอเมืองระนอง สุขสำราญ กะเปอร์ ละอุ่น และกระบุรี) จังหวัดพังงา (อำเภอเมืองพังงา คุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง และท้ายเหมือง) จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง)

2. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ ๘๐ ของความจุเก็บกักบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร อุดรธานี นครพนม มุกดาหาร นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี ตราด สุราษฎร์ธานี และกระบี่ และขอให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ เขื่อนนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก ให้สอดคล้อง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุด

3. เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ำล้นตลิ่งและท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำอิง บริเวณอำเภอเชียงคำ เทิง พญาเม็งราย ขุนตาล และเชียงของ จังหวัดเชียงราย และแม่น้ำยม บริเวณอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก

4. เฝ้าระวังกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา บริเวณ จังหวัดอ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากการปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา

ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโปรดดำเนินการ ดังนี้

1. ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า90 มิลลิเมตร ตลอด ๒๔ ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วม รวมถึงพื้นที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน

2. ติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซม แนวคันบริเวณริมแม่น้ำ และเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึงเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ ให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและอิทธิพลของการขึ้น – ลงของน้ำทะเล โดยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก

3. เตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ รวมถึงความพร้อมของระบบสื่อสาร เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือได้ทันที

4. ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำ และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมในการขนของขึ้นสู่ที่สูงหรืออพยพได้ทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์

ที่มา: สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ