นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมทางการแพทย์และการรักษาพยาบาล เพื่อรองรับผู้ป่วยจากโรคติดเชื้อไวรัส RSV ที่แพร่ระบาดในช่วงฤดูฝนว่า สนพ. ได้เตรียมความพร้อมการวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้องตามแนวทางการรักษาของโรค สำรองยาให้เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วย จัดเตรียมวัคซีนป้องกันควบคุมโรคตามฤดูกาล ได้แก่ โรคโควิด-19 โรคหัด โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันจากเชื้อไวรัสให้ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัส RSV ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะการรักษาตามอาการ เนื่องจากไม่มียาต้านไวรัสเฉพาะทั้งกินและฉีด ไม่มีวัคซีน การรักษา คือ พ่นยา ดูดเสมหะ ให้ออกซิเจน ให้สารน้ำยาลดไข้ พร้อมจัดเตรียมเวชภัณฑ์สำหรับการป้องกันและรักษาโรค ตั้งจุดคัดกรองด้านหน้าทางเข้าโรงพยาบาล ตรวจวัดอุณหภูมิ และจัดเตรียมเจลล้างมือให้กับประชาขนที่มารับบริการที่โรงพยาบาล

ขณะเดียวกันได้กำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมโรคภายในศูนย์เด็กเล็กน่าอยู่คู่นมแม่ และชมรมผู้สูงอายุของโรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง กำหนดมาตรการการรักษาและวินิจฉัยโรค พร้อมจัดทำแนวทาง การดำเนินงานควบคุมและรักษาโรคไวรัส RSV เพื่อป้องกันการระบาดของโรคภายในศูนย์เด็กเล็กฯ และชมรมผู้สูงอายุ ตรวจคัดกรองวัดอุณหภูมิเด็กก่อนเข้าภายในศูนย์เด็กเล็กฯ หากพบจะแจ้งผู้ปกครองพาพบแพทย์ตรวจรักษาต่อไป และหากพบว่า เด็กภายในศูนย์เด็กเล็กฯ มีอาการป่วยด้วยโรคติดต่อ จะทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคภายในบริเวณศูนย์เด็กเล็กฯ ทันที
นอกจากนี้ สนพ. ได้ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้และข้อแนะนำแก่ประชาชนในชุมชนพื้นที่โดยรอบโรงพยาบาล โดยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเน้นการเข้าถึงกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ เพื่อให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพ การสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันโรคเบื้องต้น รวมถึงแนะนำสร้างเสริมสุขภาพที่ BKK WELLNESS CLINIC ที่โรงพยาบาลในสังกัดทั้ง 11 แห่ง โดยให้บริการตรวจสุขภาพฟรีและบริการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนตามความเสี่ยง ทั้งนี้ ขอเชิญชวนประชาชนคนไทย 7 กลุ่มเสี่ยง “ทุกสิทธิการรักษา” เข้ารับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาลฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย ลงทะเบียนจองคิวผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. 1330 ช่องทางออนไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือเพจเฟซบุ๊ก “สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” และสายด่วนสุขภาพ สนพ. กทม. โทร. 1646 หรือศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพเวชศาสตร์เขตเมือง : UMSC หรือคลิก https://shorturl.asia/EDSs6
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัส RSV ในพื้นที่กรุงเทพฯ จากระบบรายงานการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา ปี 68 มีจำนวนผู้ป่วยในพื้นที่กรุงเทพฯ 495 ราย (ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 22 ก.ค. 68) สำหรับเชื้อ RSV เป็นสาเหตุหลักของการเกิดปอดอักเสบรุนแรงในเด็กและผู้สูงอายุ จากลักษณะทางระบาดวิทยา มักพบโรคติดเชื้อไวรัส RSV ในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับฤดูกาลระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งอาการและการติดต่อคล้ายกัน คาดว่าจะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเวลานี้เป็นต้นไป โดยปัจจัยที่ทำให้การแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว เกิดจากเชื้อไวรัสจะมีชีวิตอยู่ภายนอกร่างกายได้เป็นเวลานานหลายชั่วโมง โดยอาศัยอยู่ตามวัตถุต่าง ๆ และเชื้อแพร่กระจายได้ง่ายผ่านน้ำมูก น้ำลาย การไอ หรือจาม เช่นเดียวกับโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ อาการของโรคเริ่มต้นคล้ายไข้หวัดธรรมดา คือ มีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ แต่หากพบอาการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย หรือหายใจมีเสียงหวีด (Wheezing) หายใจลำบาก หน้าอกบุ๋ม ซึมลง รับประทานอาหารได้น้อยลง และในเด็กไม่เล่น ไม่ดูดนม ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที ทั้งนี้ สนอ. ได้ให้ความรู้กับประชาชน ผู้ปกครองกลุ่มเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ เตรียมพร้อมเฝ้าระวังและใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่และโควิด 19 โดยแนวทางการป้องกันสำหรับประชาชนทั่วไป ได้แก่ ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ หลีกเลี่ยงการนำมือที่ไม่สะอาดมาสัมผัสจมูก ปาก หรือตา ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ช้อน ส้อม เป็นต้น หมั่นเช็ดถูทำความสะอาดของเล่นเด็กเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังพบเด็กป่วย และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ สำหรับคำแนะนำสำหรับผู้ป่วย ควรหยุดพักรักษาตัวที่บ้าน และสวมหน้ากากอนามัย หมั่นทำความสะอาดบ้าน ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้สารคัดหลั่งไม่เหนียวจนเกินไป และหากอาการไม่ดีขึ้น เช่น หอบเหนื่อย ซึมลง รับประทานอาหารได้น้อย ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว