สทนช. บูรณาการร่วม “สืบสาน รักษา และต่อยอด” บูรณาการการขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 300 โครงการ สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยพัฒนาแหล่งน้ำอย่างเป็นระบบเชื่อมโยงทุกมิติ สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สทนช. ในฐานะหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ได้ร่วมเป็นคณะกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยในการประชุม ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 พบว่า มีความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการ รวมทั้งสิ้นจำนวน 301 โครงการ เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 189 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการด้านน้ำ ดำเนินการเสร็จแล้ว จำนวน 123 โครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง จำนวน 30 โครงการ อยู่ระหว่างขอรับการสนับสนุนงบประมาณ 26 โครงการ และอยู่ระหว่างสำรวจออกแบบ/ขอใช้พื้นที่ จำนวน 10 โครงการ ซึ่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นกลุ่มโครงการสำคัญที่ สทนช. จะร่วมขับเคลื่อนให้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน นอกจากนี้ มีการขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จำนวน 112 โครงการ โดยได้ดำเนินการเสร็จแล้ว จำนวน 67 โครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง จำนวน 16 โครงการ และอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม/เร่งรัดการขับเคลื่อน จำนวน 29 โครงการ
“คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ได้กำหนดให้โครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการสำคัญที่ต้องขับเคลื่อนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(สำนักงาน กปร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับนอกจากจะเป็นการเพิ่มพื้นที่ชลประทาน เพิ่มแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ช่วยบรรเทาอุทกภัยและบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้ว ยังเป็นการพัฒนาแหล่งน้ำที่เป็นระบบเชื่อมโยงซึ่งกันและกันครอบคลุมในทุกมิติ อันจะนำไปสู่การวางแผนพัฒนาทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำในอนาคตได้อย่างยั่งยืน” เลขาธิการ สทนช. กล่าว
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการน้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการ “สืบสาน รักษา ต่อยอด” มาเชื่อมโยงกับโครงการแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในรูปแบบการจัดการตั้งแต่ “ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ” โดย มุ่งเน้นการพัฒนาอาชีพของประชาชนให้เป็นไปอย่างกว้างขวางและหลากหลายมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยในระยะแรกเป็นโครงการนำร่อง จำนวน 22 โครงการ ในห้วงระยะเวลา 3 ปี กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยในการดำเนินงานจะใช้หลัก Plan Do Check Act : PDCA ในการติดตามผลสัมฤทธิ์โครงการ “สทนช. จะบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและการต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริให้แล้วเสร็จตามพระราชประสงค์ ซึ่งทุกโครงการ ได้อำนวยประโยชน์ ยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนาอาชีพและความเป็นอยู่ของราษฎร สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตลอดจนสร้างรอยยิ้มและความปิติสุขให้เกิดขึ้นกับพสกนิกรในพระองค์ และที่สำคัญได้สร้างประโยชน์ให้กับสังคมโดยรวมของประเทศอีกด้วย” เลขาธิการ สทนช. กล่าวย้ำในตอนท้าย