ไฟ-ฟ้า โดย ทีทีบี กิจกรรมสังคมเพื่อความยั่งยืนจากมูลนิธิทีทีบี มุ่งจุดประกายให้เยาวชนเกิดมุมมองใหม่ในชีวิตของตนเอง พร้อมนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปพัฒนาชุมชนและสังคมให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้าได้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับเด็ก ๆ หลายคนค้นพบศักยภาพในตัวเอง ซึ่งวิชาร้องเพลง เป็นหนึ่งในทักษะวิชาที่ได้รับความสนใจสูงสุดอันดับต้น ๆ จากเด็กส่วนใหญ่ แต่ครอบครัวไม่มีเงินทุนสนับสนุน ในขณะที่ศูนย์ฯ เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เรียนฟรี โดยมีเงื่อนไขเดียว คือ เด็ก ๆ ต้องเอาความรู้ที่ได้คืนสู่ชุมชนด้วย

น.ส.ศรวณีย์ พรพิทักษ์พงศ์ หรือ คุณครูลักยิ้ม ที่สอนร้องเพลงให้กับเด็ก ๆ มายาวนานถึง 14 ปี เล่าว่า เรียนจบจากคณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันเปิดสตูดิโอสอนร้องเพลงและเต้นของตัวเอง เข้ามาเป็นครูอาสาสมัครจากการชักชวนของรุ่นพี่ รู้สึกว่าไฟ-ฟ้าเป็นโครงการที่น่าสนใจ เพราะต้องเข้ารับการอบรมเรื่องจิตวิทยาก่อน ซึ่งนอกจากความผูกพันกับเด็กที่สอนกันมาแบบใกล้ชิดกันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่เรียนจบ ก็ยังได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเด็ก ๆ ในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้ประทับใจในความมุ่งมั่นของเด็ก ๆ ที่ต้องการคว้าโอกาสจากการเรียน แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้สอนที่ศูนย์ ฯ มาอย่างยาวนาน คือ การรู้สึกว่าได้ทำในสิ่งที่มีคุณค่าให้สังคม เด็ก ๆ รวมถึงตัวครูเองด้วย
“โมเมนต์ที่ทำให้เราประทับใจจนน้ำตาไหล คือ ทุกครั้งที่มีกิจกรรมหรือเวทีการแสดง จะได้เห็นพัฒนาการของเด็ก ๆ หลายคนเฉิดฉายมาก ได้เห็นผู้ปกครองหยิบมือถือมาถ่ายคลิปด้วยความภาคภูมิใจ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว เด็ก ๆ เหล่านี้มีโอกาสน้อยมากที่จะได้โชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่ ซึ่งพ่อแม่บางคนไม่เคยรู้เลยว่าลูกทำได้ดีแค่ไหน ทำให้เปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการมาเป็นเด็กไฟ-ฟ้า ทั้งเรื่องการร้องและการเต้น หันมาให้การสนับสนุนลูกมากขึ้น ครูเองก็ภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสานฝันให้กับเด็ก ๆ และสร้างความสุขให้ผู้ปกครอง ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้ทำเพื่อเงินอย่างเดียว”
ครูลักยิ้มกล่าวสรุปว่า “ขอบคุณทีทีบีที่ก่อตั้งศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้าขึ้นมา เพื่อจุดประกายและสร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตเด็ก ๆ ซึ่งเป็นการชี้นำทางเดินอย่างสร้างสรรค์ และทำให้เด็กเติบโตมาอย่างดี โดยมีเด็กหลายคนในคลาสร้องเพลงที่ตอนแรกเข้ามาไม่กล้าสบตาใคร หรือร้องเพลงไม่เป็น แต่วันนี้กลายเป็นคนที่กล้าแสดงออก กลายเป็นคนที่โดดเด่น และที่สำคัญมากกว่า คือ เด็ก ๆ มองเห็นคุณค่าในตัวเองและรู้ว่าทำได้ พร้อมทั้งยังปลูกฝังให้เด็กเห็นคุณค่าของการให้ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เปลี่ยนให้น้อง ๆ คิดถึงคนรอบข้างจากที่บางคนอาจมองตัวเองเป็นหลัก ส่วนในฐานะครู นอกจากได้รับความสุขจากการสอนเด็กแล้ว ยังได้เรียนรู้เยอะมาก เช่น วิธีคิดของเด็กยุคใหม่ ที่มีไอเดียใหม่ ๆ และสร้างสรรค์มาก”
น้องโอเค หรือ นายพลศิริ พัฑฒนะ เด็กไฟ-ฟ้า ปี 3 คลาสร้องเพลง ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า นนทบุรีกล่าวว่า ชอบร้องเพลง แต่ไม่เคยมีโอกาสเรียนมาก่อน เพราะฐานะทางบ้านไม่เอื้ออำนวย จึงทำได้แค่ฝึกฝนด้วยตัวเอง ซึ่งพอเข้ามาเรียนมีครูแนะนำ ทำให้รู้ถึงพื้นฐานการร้องเพลงที่ถูกต้อง ทักษะการร้องเพลง และเทคนิคในการปรับเปลี่ยนเพื่อนำไปใช้กับทุกเพลง ทำให้สามารถพัฒนาตัวเองได้เป็นอย่างดี มองเห็นเป้าหมายที่จะเดินไปข้างหน้าบนเส้นทางสายร้องเพลงชัดขึ้น โดยก่อนหน้านี้ มีความฝันอยากจะเป็นศิลปินนักร้อง แต่หลังจากได้มีโอกาสมาเรียนร้องเพลงอย่างจริงจัง ตอนนี้มองไปไกลถึงขั้นอยากเป็นครูสอนร้องเพลง เพราะอยากถ่ายทอดความรู้ที่เรียนมาให้คนอื่น ๆ ที่ชอบร้องเพลง ซึ่งวางแผนเตรียมสอบเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรี ในสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ที่เป็นสถาบันสอนแนวศิลปวัฒนธรรมไทย เนื่องจากชอบร้องเพลงลูกทุ่งและเพลงไทยเดิม
“การได้รับโอกาสเข้าเรียนที่ศูนย์เรียนรู้ไฟ-ฟ้า แห่งนี้ รู้สึกประทับใจกับการสอนของครู รวมถึงการปลูกฝังเรื่องการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ และการเป็นผู้ให้คืนต่อสังคมหรือชุมชนด้วยการเป็นครูสอนร้องเพลง โดยอยากมีความรู้ด้านแนวศิลปวัฒนธรรมไทยมากขึ้น เพราะเป็นคนชอบร้องเพลงลูกทุ่งและเพลงไทยเดิม นอกจากนี้ ยังได้ฝึกทักษะด้านอื่น ๆ อีกด้วย เช่น การเข้าสังคม การทำงานเป็นทีม การทำกิจกรรมทำให้ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้เรียนรู้และทดลองในสิ่งที่ไม่เคยทำ ผมขอขอบคุณทีทีบีที่ให้โอกาสได้เข้ามาเรียนรู้ เสริมทักษะของตัวเอง สนับสนุนให้ได้ทำความฝันและค้นพบตัวเอง ตลอดจนเป็นสถานที่ที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เด็ก” น้องโอเค กล่าวทิ้งท้าย
