สสส. จับมือ ศวอ. จุฬา /สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช วว. มุ่งขับเคลื่อนการศึกษา ถอดบทเรียนการดำเนินงานบริหารจัดการทรัพยากรการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช

ผศ.ดร.วีระชัย  อาจหาญ  ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  มอบหมาย  ดร.พัชทรา  มณีสินธุ์  รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านพัฒนาอย่างยั่งยืน  ลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อดำเนินงานโครงการ “การศึกษาและถอดบทเรียนการดำเนินงานบริหารจัดการทรัพยากรการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช” กับ นายไพสิฐ  พาณิชย์กุล  ผู้อำนวยการ ศูนย์วิชาการเพื่อขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ (ศวอ.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีระยะเวลาดำเนินการ 14 เดือน ( พฤษภาคม  2568 – กรกฎาคม  2569)   โดยมี ดร.ภูวษา ชานนท์เมือง นักวิจัย  ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม วว. เป็นหัวหน้าโครงการ  และ รศ.ดร.ศิริมา  ปัญญาเมธีกุล  คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาโครงการฯ

ความร่วมมือดังกล่าวมีวัตถุประสงค์การดำเนินงาน ดังนี้

1.เพื่อถอดบทเรียนและรวบรวมองค์ความรู้ ในการบริหารจัดการพื้นที่เขตแกนกลางของพื้นที่สงวนชีวมณฑลสสะแกราช

ด้านการควบคุมไฟป่า ประชาสัมพันธ์ สื่อสาร เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการนำไปใช้ประโยชน์เชิงนโยบาย

2.ติดตามผลกระทบด้านสุขภาพ เชื่อมโยงกับคุณภาพอากาศในรูปปฐมภูมิและทุติยภูมิในพื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช

3.สร้างภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคเอกชน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการนำไปใช้ประโยชน์

ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานโครงการ

1) นำไปสู่การพัฒนานวัตกรรม วิชาการ และองค์ความรู้ ในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ

2) การพัฒนาเครื่องมือ เทคโนโลยี ระบบเตือนภัย ระบบเฝ้าระวัง รวมถึงการแสดงผล การจัดการมลพิษ และขยะมูลฝอยในพื้นที่ศึกษา (พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช)

3) การสนับสนุนให้มีการศึกษา วิจัย ฝึกอบรม หรือดำเนินการให้มีการประชุมเกี่ยวกับการสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะและเพิ่มประสิทธิภาพกลไกการบริหารจัดการ

อนึ่ง พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราชได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก  (UNESCO)  ให้เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งแรกของไทย ในปี พ.ศ. 2519  ปัจจุบันมีเนื้อที่ 1,037,167  ไร่  มีบทบาทภารกิจหลัก ดังนี้ 1) ด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม  2) การพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนท้องถิ่นบนฐานของความยั่งยืน   3) การสนับสนุนการสร้างความรู้ 4) การศึกษาวิจัยและการบริหารจัดการองค์ความรู้ผ่านกิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม5) การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และ 6) ก่อให้เกิดผลผลิตงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ โดยนักวิจัยทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งเป็นระดับต้น ๆ ของประเทศ

 

ที่มา: สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย