ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการทำ knowledge test และ suitability test ของผู้ลงทุนก่อนการจองซื้อโทเคนดิจิทัล

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการติดต่อและการให้บริการแก่ผู้ลงทุนของ ICO portal เพื่อลดภาระของผู้ให้บริการฯ และผู้ลงทุนในการทำแบบทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุน (knowledge test) และกำหนดให้ ICO portalต้องประเมินความเหมาะสมในการลงทุนในโทเคนดิจิทัลของผู้ลงทุน (suitability test) ของผู้ลงทุนอย่างน้อยทุก 2 ปี

ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการติดต่อและการให้บริการแก่ผู้ลงทุนของ ICO portal ในการทำ knowledge test และ suitability test ของผู้ลงทุนโทเคนดิจิทัล ซึ่งมีแนวทางเดียวกับผู้ประกอบธุรกิจด้านหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดย ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อหลักการและร่างประกาศเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว และผู้ที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่เห็นด้วย

ก.ล.ต. จึงออกประกาศเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์ข้างต้น มีสาระสำคัญ ดังนี้

  • การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการทำ knowledge test โดยกำหนดให้ผู้ลงทุนที่ไม่ใช่ผู้ลงทุนสถาบันผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ที่มีสถานะเป็นนิติบุคคล ทำ knowledge test ก่อนการลงทุน และในกรณีที่ผู้ลงทุนที่ผ่านการทำ knowledge test มาแล้วจะได้รับการยกเว้นในการทำ knowledge test
  • กำหนดหลักเกณฑ์ให้ ICO portal ต้องประเมินความเหมาะสมในการลงทุนในโทเคนดิจิทัลของผู้ลงทุน (suitability test) ก่อนเริ่มให้บริการแก่ผู้ลงทุน โดยต้องทบทวนและปรับปรุงข้อมูลการประเมินความเหมาะสมในการลงทุนในโทเคนดิจิทัลของผู้ลงทุนอย่างน้อยทุก 2 ปี

ทั้งนี้ การออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าว* ได้เผยแพร่ลงในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป

หมายเหตุ:

ประกาศที่เกี่ยวข้องจำนวน 2 ฉบับ ดังนี้

  • ประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กจ. 21 /2568 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการให้ความเห็นชอบผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ฉบับที่ 14) https://publish.sec.or.th/nrs/10907s.pdf
  • ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สจ. 37/2568 เรื่อง หลักเกณฑ์ในรายละเอียดเกี่ยวกับการทบทวนการประเมินความเหมาะสมในการลงทุนในโทเคนดิจิทัลของผู้ลงทุน https://publish.sec.or.th/nrs/10908p_r.pdf

ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์