MASTEC ปิดจองซื้อหุ้น 79 ล้านหุ้น ยอดจองครบทั้งจำนวน ทั้งนักลงทุนสถาบันและรายบุคคล ระดมทุน 114.55 ล้านบาท ต่อยอดธุรกิจนวัตกรรม-สิ่งแวดล้อม รับเทรนด์ Net Zero เทรดใน SET 27 ต.ค. นี้

บมจ.แมสเทค ลิ้งค์ หรือ MASTEC ปิดจองซื้อหุ้น IPO จำนวน 79 ล้านหุ้น นักลงทุนจองคึกคัก สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพทางธุรกิจโดยเฉพาะการเติบโตด้านนวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม ผู้บริหารมั่นใจเติบโตในครึ่งปีหลัง 2568 จากยอดค้างส่งประกอบกับเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของบริษัท และปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ดีเดย์ พร้อมลงสนามเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันแรก 27 ต.ค.นี้ มั่นใจจะเป็นทั้งหุ้น Growth Stock และ Dividend Stock หลังระดมทุนจำนวน 114.55 ล้านบาท เพื่อนำไปขยายธุรกิจในกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรมอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม รองรับธุรกิจใน Synergy Products ของกลุ่มผลิตภัณฑ์การป้องกันอัคคีภัย ขยายช่องทางจัดจำหน่ายครอบคลุมทั่วไทย  เตรียมเปิดสาขาหัวเมืองหลั

ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า MASTEC เป็นหุ้นที่จิ๋วแต่แจ๋ว ด้วยความเชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ ดำเนินธุรกิจมากว่า  25 ปี โดยมี 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย 1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล  2. กลุ่มผลิตภัณฑ์การป้องกันอัคคีภัยและผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย และ 3. กลุ่มผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นครั้งแรก หรือ IPO โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย และมีบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จํากัด (มหาชน) ร่วมเป็นผู้จัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายระหว่างวันที่ 17 และ 20-21 ตุลาคม 2568 ได้รับการตอบรับอย่างดี โดยคาดว่าจะสามารถนำหุ้น MASTEC เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 27 ตุลาคม 2568 หมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร (“IMM”) ภายใต้ชื่อย่อ “MASTEC”

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า MASTEC ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดหาผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรมเพื่อจำหน่าย และการให้บริการโซลูชั่นที่ครอบคลุม โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายให้แก่ซัพพลายเออร์ชั้นนำรวม 30 ราย แบ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว (Exclusive Distributor) จำนวน 6 แบรนด์ ได้แก่ FRESE, FIVALCO, CHANGDER, FIREGUARD, ECO-WATER/ENVIROSWIM และ BOCA อีกทั้งยังเป็นตัวแทนจำหน่ายทั่วไป (Non-Exclusive Distributor) รวม 24 แบรนด์ เช่น VIKING, REFLEX, NIHON SPINDLE, JOHNSON-CONTROLS และ TDT เป็นต้น และยังจัดหาผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากซัพพลายเออร์รายอื่นอีกมากกว่า 150 แบรนด์ นอกจากนี้บริษัทมีการว่าจ้างผลิตสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ ได้แก่ VALOR ผลิตภัณฑ์วาล์วที่ใช้ในระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล และ ZERO FIRE ซึ่งเป็นอุปกรณ์ตู้ดับเพลิง

ขณะที่งวด 6 เดือนแรกปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 395.53 ล้านบาท โดยโครงสร้างรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศและสุขาภิบาลมีสัดส่วนรายได้ 64.32% ผลิตภัณฑ์การป้องกันอัคคีภัยและผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยมีสัดส่วนรายได้ 30.48% ผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มีสัดส่วนรายได้ 5.19% ของรายได้จากการขายและบริการ ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการรับรู้รายได้และกำไรที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 3 และไตรมาส 4

นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า MASTEC เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 79 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 26.33 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO  โดยจองซื้อระหว่างวันที่ 17 และ 20-21 ตุลาคม 2568 ราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 1.45 บาทต่อหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท  ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน (PER) กำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) 9.06 เท่า โดยการจองซื้อได้รับการตอบรับจากนักลงทุนจองซื้อจำนวน 1,377 ราย โดยมีทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายบุคคล พร้อมเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 27 ตุลาคมนี้

นายดุษฎี มีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมสเทค ลิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTEC เปิดเผยถึง แผนการเติบโตในระยะ 3-5 ปี กลุ่มผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มีโอกาสเติบโตอย่างสูงจากเทรนด์ของโลกที่ต้องการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ หรือการลดก๊าซเรือนกระจก ก้าวสู่การเป็น Net Zero หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ควบคู่การดำเนินธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล รวมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์การป้องกันอัคคีภัยและผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย ซึ่ง MASTEC มุ่งเป็นผู้นำเสนอโซลูชั่น พร้อมกับเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมของงานระบบอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร โดยมีทีมวิศวกรและทีมผู้เชี่ยวชาญสำหรับการให้บริการตั้งแต่การทำความเข้าใจแบบวิศวกรรม ออกแบบระบบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ จำหน่าย ศึกษา ตรวจสอบ ให้คำปรึกษา ข้อกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้องและสอดคล้องงบประมาณโดยรวมของลูกค้า ครอบคลุมถึงการให้บริการติดตั้ง ตรวจสอบ ซ่อมแซมและบำรุงรักษาผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรมเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนนำเม็ดเงินระดมทุนจำนวน 114.55 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจด้านวิศวกรรมอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งต่อยอด Synergy Products ในกลุ่มระบบป้องกันอัคคีภัย พร้อมขยายสาขาครอบคลุมทั่วประเทศและเสริมสภาพคล่องในการดำเนินงาน โดยมุ่งมั่นผลักดันให้ MASTEC เป็นหนึ่งในหุ้น Growth Stock และ Dividend Stock ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

“ส่วนตัวผมและผู้ถือหุ้นเดิมทุกท่าน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 3 ท่าน สร้างธุรกิจมาด้วยกันอย่างยาวนาน เราต้องการเห็นบริษัทฯ เติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืนตามหลักบรรษัทภิบาล และการสร้างทีมงานผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถ พร้อมรับไม้ต่อ ซึ่งผมในฐานะ ผู้ถือหุ้น 3 ลำดับแรกหลัง IPO คือผม ดุษฎี มีชัย ถือหุ้น 25% คุณกำธร คุณานพรัตน์ ถือหุ้น 25% และ ดร.ร่มโพธิ์ สุวรรณิก ถือหุ้น 24.55% พร้อมใจล็อคอัพหุ้นทั้งหมดไม่รวมส่วน IPO เนื่องจากเรามั่นใจว่าธุรกิจกำลังอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวจาก New-S curve ด้านนวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและข้อบังคับของบริษัทกำหนดไว้ โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เพื่อประโยชน์ของกิจการและผู้ถือหุ้นเป็นหลัก” นายดุษฎีกล่าว

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานช่วงปี 2565-67 มีรายได้รวม 936.66 ล้านบาท 984.46 ล้านบาท และ 943.22 ล้านบาทตามลำดับ โดยโครงสร้างรายได้ ปี 2567 กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศและสุขาภิบาลมีสัดส่วนรายได้ 56.73% ผลิตภัณฑ์การป้องกันอัคคีภัยและผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยมีสัดส่วนรายได้ 34.32% และผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม มีสัดส่วนรายได้ 8.95% ของรายได้จากการขายและบริการ นอกจากนี้บริษัทฯ มีแบรนด์ของเราเอง (Own Brand) ได้แก่ VALOR ในกลุ่มผลิตภัณฑ์วาวล์ที่ใช้ในระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล และอุปกรณ์ตู้ดับเพลิง ZERO Fire ที่เริ่มสร้างการรับรู้มาตั้งแต่ปี 2550 ทำให้สินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาแบรนด์สินค้าของบริษัทฯ (Own Brand) ทำสัดส่วนรายได้ดีขึ้น 21.30%, 20.55% และเพิ่มเป็น 23.61% ตามลำดับ

ที่มา: เบทเทอร์ เอเจนซี่