YLG ชี้ทองคำมีทิศทางขาขึ้นชัดเจน ราคาขึ้นทำ All New High แม้ยังต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐตลอดสัปดาห์

·      วายแอลจีชี้ทองคำช่วงที่เหลือของปีนี้ยังเป็นเทรนด์ขาขึ้น ล่าสุดขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติกาลครั้งใหม่ที่ 3,508.33 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขานรับ “ทรัมป์” เรียกความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างอินเดีย-สหรัฐ ว่าเป็น “หายนะด้านเดียวโดยสิ้นเชิง” พร้อมปัจจัยบวกจากกระแสการปรับลดดอกเบี้ยเฟด

·      ยังคงเป้าหมายทองคำปีนี้ที่โซน 3,500 – 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ทดสอบเป้าหมายแรกไปแล้วถึงสองครั้ง แต่หากยืนได้จะมีเป้าหมายถัดไปที่ 3,600 และ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ

·      ระยะสั้นแนะเก็งกำไรภายในกรอบ 3,437 – 3,540 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ด้านทองไทยมีลุ้นเคลื่อนไหวในกรอบ 52,500 – 54,100 บาทต่อบาททองคำ พร้อมแนะสำหรับการลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส เพิ่มโอกาสการลงทุนด้วยการใช้เงินลงทุน 10% ของมูลค่า

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่าวันนี้ (2 ก.ย.) ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจนสามารถขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติกาลครั้งใหม่ที่ 3,508.33 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความใน Truth Social ที่ระบุถึงสาเหตุการตั้งภาษีกับอินเดียสูงถึง 50% เนื่องจากถูกอินเดียเอาเปรียบมาตลอด พร้อมกล่าวว่าการค้าระหว่างอินเดียและสหรัฐคือ “หายนะด้านเดียวอย่างสิ้นเชิง” ซึ่งการโพสต์ข้อความดังกล่าวได้สร้างสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างอินเดียและสหรัฐ ทำให้เกิดแรงซื้อทองเข้ามาในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

โดยก่อนหน้านี้วายแอลจี มองว่าภายในช่วงที่เหลือของปีนี้ราคาทองคำจะสามารถทำระดับสูงสุดใหม่ได้อีกครั้งและล่าสุดราคาทองคำได้ปรับขึ้นมาตามคาดการณ์  โดยเชื่อว่าในไตรมาส 4 ราคาทองคำจะยังเคลื่อนไหวในแดนบวก แม้ว่าจะมีการเทขายทำกำไรสลับออกมาบ้าง  อย่างไรก็ดีหากมองถึงปัจจัยในหลากหลายด้าน ก็ยังมีน้ำหนักต่อการเคลื่อนไหวของทองคำในเชิงบวก  โดยเฉพาะแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ล่าสุดตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐ เช่น ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐนั้นอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ

อีกทั้ง เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Jackson Hole ว่า “ความเสี่ยงด้านการจ้างงานกำลังเพิ่มขึ้น และภาษีศุลกากรทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับราคาเพียงครั้งเดียว ความสมดุลของความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป อาจจำเป็นต้องปรับนโยบาย”  ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้นว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง จนเป็นปัจจัยหนุนหลักต่อราคาทองคำ

นอกจากนี้ นโยบายทางการเงินของเฟดยังมีความเป็นไปได้ที่สูงขึ้น ว่าจะมีจุดยืนที่ผ่อนคลาย (Dovish stance) มากขึ้น นับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ มีความพยายามที่จะมีอิทธิพลต่อนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการกดดัน เจอโรม พาวเวล ให้รีบทำการปรับลดดอกเบี้ยลงและลาออกจากประธานเฟด  รวมไปถึงการสั่งปลด ลิซ่า คุก หนึ่งในผู้ว่าการเฟด ซึ่งนับเป็นการเข้าแทรกแซงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นตลอด 111 ปีที่ผ่านมา  แต่ทางด้าน สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ยังออกมาปกป้องการกระทำดังกล่าวของโดนัลด์ ทรัมป์  อีกทั้ง ยังมีความพยายามที่จะส่งคนสนิทอย่าง สตีเฟน มิแรน เข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเฟด แทนที่ อาเดรียนา คูเกลอร์ ที่ลาออกไปในช่วงก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ในปีนี้ วายแอลจี ได้ให้เป้าหมายราคาทองคำไว้ที่โซน 3,500 – 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ราคาจะทดสอบเป้าหมายแรกที่ระดับ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไปแล้วถึงสองครั้ง  อย่างไรก็ดี หากสามารถยืนแล้วไปต่อได้พร้อมปัจจัยพื้นฐานเข้ามาสนับสนุน จะมีเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 3,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และระดับ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามลำดับ

สำหรับคำแนะนำการลงทุนทองคำ ในระยะสั้นมองว่าทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 3,437-3,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และกรอบแนวต้าน 3,508-3,540 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์  ส่วนทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ มองว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 52,500-54,100 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณจากค่าเงินบาทระดับ 33.24 บาทต่อดอลลาร์)  

ส่วนนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สแนะนำเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในระดับสูง เพราะใช้เงินลงทุนเพียง 10% ของราคาทองคำ และสามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาด โดยล่าสุดวายแอลจีได้ออกโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีกับ YLG Futures รับสิทธิ์ใช้งาน Trading View Essential Plan ที่จะมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า 5 ด้าน 1.กราฟและอินดิเคเตอร์ครบครัน รวมถึง Volume Profile 2.เครื่องมือวาดรูปและฟีเจอร์ทางเทคนิค 3.การแจ้งเตือนราคา 4.ไอเดียเทรดจากคอมมูนิตี้ 5.ไม่มีโฆษณาและอีกจำนวนมาก

ที่มา: เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง