แอร์บัสและคาเธ่ย์จับมือร่วมลงทุน เดินหน้าผลักดันการใช้เชื้อเพลิง SAF

แอร์บัส (Airbus) และกลุ่มคาเธ่ย์ (Cathay Group) ประกาศความร่วมมือด้านการลงทุนมูลค่าสูงสุด 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเร่งพัฒนาและขยายกำลังการผลิตเชื้อเพลิงการบินยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) ทั้งในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก

ข้อตกลงดังกล่าวประกาศขึ้นที่ฮ่องกง ระหว่างการประชุม IATA World Sustainability Symposium โดยมี นายอเล็กซ์ แม็คโกแวน (Alex McGowan) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและการส่งมอบบริการของกลุ่มคาเธ่ย์ และนายอานันท์ สแตนลีย์ (Anand Stanley) ประธานแอร์บัส ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ร่วมเป็นเจ้าภาพในพิธีลงนาม

ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันคัดเลือก ประเมิน และลงทุนในโครงการที่มุ่งสนับสนุนการขยายกำลังการผลิตเชื้อเพลิง SAF เพื่อให้บรรลุเป้าหมายภายในปี 2573 และต่อเนื่องในระยะยาว โดยแต่ละโครงการจะได้รับการพิจารณาจากศักยภาพทางธุรกิจ ความพร้อมด้านเทคโนโลยี และความเป็นไปได้ในการทำสัญญาจัดซื้อระยะยาว

การเพิ่มกำลังการผลิตเชื้อเพลิง SAF จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่ภาครัฐ นักลงทุน ผู้ผลิต ไปจนถึงผู้ใช้งานปลายทาง ความร่วมมือด้านการลงทุนครั้งนี้จึงสะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งพันธมิตรระหว่างแอร์บัสและกลุ่มคาเธ่ย์ ที่มุ่งขับเคลื่อนศักยภาพการผลิต SAF ให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

นายอเล็กซ์ แม็คโกแวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและการส่งมอบบริการของคาเธ่ย์ กล่าวว่า “SAF ยังคงเป็นกลไกสำคัญที่สุดสำหรับคาเธ่ย์และอุตสาหกรรมการบินโดยรวมในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอน” และเสริมว่า “ความร่วมมือด้านการลงทุนครั้งนี้กับแอร์บัสตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการสร้างอุตสาหกรรม SAF ที่เข้มแข็งและขยายตัวได้อย่างแท้จริง อีกทั้งยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ของเราที่มุ่งลงทุนในเทคโนโลยีและกำลังการผลิตสำหรับอนาคต รวมถึงการลงทุนล่าสุดในกองทุน oneworld BEV SAF Fund ขณะเดียวกัน เรายังเดินหน้าขยายการใช้ SAF ในปัจจุบันผ่านความร่วมมือกับองค์กรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน”

นายอานันท์ สแตนลีย์ ประธานแอร์บัส ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ข้อตกลงครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของแอร์บัสและคาเธ่ย์ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง การผลิตและจัดจำหน่าย SAF ในปริมาณมากและเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม จำเป็นต้องอาศัยแนวทางความร่วมมือข้ามภาคส่วนอย่างไม่เคยมีมาก่อน ความร่วมมือกับคาเธ่ย์ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการกระตุ้นการผลิตในพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้บริการลูกค้าของเราได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ”

ความมุ่งมั่นร่วมกันนี้ยังครอบคลุมถึงความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนมาตรการด้านนโยบาย SAF ทั้งฝั่งอุปทานและอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชีย ด้วยศักยภาพสูงของภูมิภาคทั้งด้านแหล่งวัตถุดิบ กำลังการผลิต และตลาดการบินที่มีชีวิตชีวา แอร์บัสและคาเธ่ย์จึงตั้งเป้าที่จะใช้ประสบการณ์ระดับโลกของตนในการช่วยกำหนดนโยบายให้ SAF สามารถเข้าถึงได้ง่ายและมีราคาที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้นในภูมิภาคนี้

แอร์บัสและคาเธ่ย์มีความร่วมมือยาวนานมาตั้งแต่ปี 2532 เมื่อสายการบินทำการสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสลำแรก ปัจจุบัน กลุ่มคาเธ่ย์ดำเนินการฝูงบินแอร์บัสจำนวน 86 ลำ และยังมีเครื่องบินอีกกว่า 70 ลำที่สั่งซื้อไว้สำหรับส่งมอบในอนาคต

ที่มา: โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์ (ประเทศไทย)