เกษตรฯ ชวน “เลิกเผา” ชี้เป้าไถกลบทำปุ๋ย หนุนปลูกถั่วหลังนา เตรียมจับมือภาคีนำร่องโรงงานพัฒนาเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวคุณภาพที่สุพรรณบุรี

เนื่องจากกรมส่งเสริมการเกษตรมีภารกิจในการส่งเสริมให้เกษตรกรเห็นถึงประโยชน์ของการไม่เผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อลดมลพิษทางอากาศหรือ PM 2.5 ประกอบกับสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชหลังนาเพื่อลดผลกระทบในช่วงฤดูแล้ง โดยถั่วเขียวเป็นพืชทางเลือกชนิดหนึ่งที่ใช้น้ำน้อยในการเพาะปลูก เก็บเกี่ยวได้เร็ว ช่วยบำรุงดิน เพิ่มรายได้ให้เกษตรกรไทย ซึ่งปัจจุบันกรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกับหน่วยงานภาคีในการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดำเนินงานวิจัยและพัฒนาถั่วเขียวสายพันธุ์ดี KUML ที่ให้ผลผลิตสูงได้ถึง 300 กิโลกรัมต่อไร่ และมีขนาดเมล็ดใหญ่ (1,000 เมล็ด น้ำหนักมากกว่า 75-80 กรัม) มีความต้านทานต่อโรคราแป้งและใบจุด รวมทั้งดำเนินโครงการการขยายผลเทคโนโลยีการผลิตถั่วเขียวคุณภาพสายพันธุ์ KUML ซึ่งเป็นการเพิ่มผลผลิตและยกระดับการผลิตถั่วเขียวที่มีคุณภาพ

นายรพีทัศน์  อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตร สนองนโยบายขับเคลื่อนโครงการบูรณาการผลิตถั่วเหลืองและถั่วเขียวพันธุ์ดีเพื่อส่งเสริมการปลูกพืชหลังนาของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชฤดูแล้งทดแทนการปลูกข้าวในพื้นที่นาปรังหรือพื้นที่นอกเขตชลประทาน และส่งเสริมให้เกษตรกรมีทักษะในการผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ โดยจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นพื้นที่สำคัญในการปลูกถั่วเขียว จึงวางแนวทางด้วยกลไก “ตลาดนำการผลิต” ดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภาคีและภาคเอกชน ในการสร้างโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีพัฒนาคุณภาพเมล็ดพันธุ์ให้ดียิ่งขึ้น เหมาะต่อการเป็นเมล็ดพันธุ์ดีสำหรับเพาะปลูก

กรมส่งเสริมการเกษตร สนับสนุนการดำเนินงานในพื้นที่ ตั้งแต่คัดเลือกพื้นที่ คัดเลือกเกษตรกร ลงพื้นที่ร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงาน ถ่ายทอดความรู้เรื่องการปลูกถั่วเขียว KUML สู่เกษตรกรในพื้นที่ ตลอดจนประสานกับภาคเอกชนซึ่งเป็นผู้รับซื้อผลผลิตหรือตลาดเป้าหมายให้เข้ามามีส่วนช่วยผลักดันและยกระดับกลุ่มเกษตรกรให้สามารถผลิตถั่วเขียวคุณภาพ และกำหนดมาตรฐานการรับซื้อผลผลิตถั่วเขียวคุณภาพ เม็ดสวย ขนาดเม็ดโต สิ่งเจือปนน้อย พร้อมลดความชื้น แยกเกรด ทำความสะอาด ให้ตรงความต้องการของลูกค้าทั้งภายในและต่างประเทศ มุ่งหวังการสร้างกลุ่มผู้ผลิตถั่วเขียวเข้าโรงงานอุตสาหกรรมที่มีผลผลิตสูง (Grain) เกิดการสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน รวมถึงสามารถลดการเผาฟางข้าว ตอซัง และวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรในพื้นที่ ส่งผลให้ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคเกษตร สามารถลดภาวะโลกร้อนได้

ที่มา: กรมส่งเสริมการเกษตร