PRM โชว์แกร่ง จัด Analyst Meeting โชว์งบ 9 เดือนแรกของปี 2568 กวาดกำไรสุทธิ 1,847.6 ล้านบาท รับอานิสงส์ธุรกิจเรือ OSV-FSU ขยายตัวโดดเด่น รุกตลาดต่างประเทศขยายพื้นที่ให้บริการ

นางสาวสุธาสินี หมื่นละม้าย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการลงทุน นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี พร้อมด้วย นายพชร รอดสมบูรณ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ร่วมแถลงข้อมูลบริษัทฯ แก่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ในงาน Analyst Meeting ประจำไตรมาส 3 ปี 2568 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ณ บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน)
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวมและกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,322.8 ล้านบาท และ 595.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า 152.3 ล้านบาท และ 101.2 ล้านบาท ตามลำดับ รอบ 9 เดือน ปี 2568 บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 1,847.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 สะท้อนถึงศักยภาพการบริหารจัดการกองเรือที่แข็งแกร่ง แม้จะเผชิญความท้าทายจากปัจจัยภายนอกและการแข็งค่าของเงินบาท แต่บริษัทฯ ยังคงรักษาการเติบโตของกำไรได้อย่างน่าประทับใจ
ในส่วนของผลการดำเนินงานโดยรวมบริษัทฯ ได้สรุปไว้ดังนี้
ในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าด้วยความแข็งแกร่งแม้เผชิญความท้าทายหลายด้าน โดยธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและเคมี (PCT) ได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาและสภาพอากาศช่วงมรสุม แต่บริษัทฯ สามารถปรับตัวด้วยการเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือและขยายการขนส่งไปยังตลาดใหม่ในภูมิภาค เพื่อรักษาเสถียรภาพของรายได้
ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ (COC) รายได้ลดลงจากปีก่อนหน้า เกิดจากเรือที่ให้บริการลดลงเนื่องจากนำเรือ Aframax ไปปรับปรุงเป็นเรือ Floating Storage and Offloading (FSO) และย้ายไปให้บริการในธุรกิจ OSV ในขณะที่เรือ VLCC ยังให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มอัตราการใช้เรือตลอดทั้งไตรมาส
ธุรกิจเรือกักเก็บและผสมน้ำมันกลางทะเล (FSU) เติบโตขึ้นจากความสามารถในการให้บริการของบริษัทฯ จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ส่งผลให้อัตราการใช้เรือเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 97.8% ในไตรมาส 3 ประกอบกับการให้บริการเรือ FSU ลำใหม่เพิ่มเติมอีก 1 ลำระหว่างปี หนุนอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอย่างเด่นชัด
ธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (OSV) เป็นกลุ่มที่เติบโตโดดเด่นที่สุด เนื่องจากมีเรือใหม่ให้บริการเพิ่มเติมระหว่างปีถึง 5 ลำ พร้อมขยายฐานลูกค้าเชิงรุกสู่ตะวันออกกลาง ส่งผลให้รายได้และกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นก้าวอย่างกระโดด
ธุรกิจตัวแทนสายเดินเรือและออกของ (SAS) ได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อกิจการ “วี.ซี.ชิปปิ้ง แอนด์ เซอร์วิส” ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Shipping ที่มีวอลุ่มมากที่สุดในกลุ่มสินค้าประเภทปิโตรเคมีเหลว เป็นส่วนช่วยในการผลักดันการเติบโตของรายได้ในธุรกิจนี้อย่างมีนัยสำคัญ
ในด้านแนวโน้มการดำเนินงานในอนาคต บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจ OSV อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเจาะตลาดประเทศที่มีศักยภาพสูงในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการใช้เรือ OSV เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของกิจกรรมการขุดเจาะและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทะเล อีกทั้งภาวะซัพพลายเรือที่ลดลงจากเรือเก่าที่ทยอยออกจากตลาด ยังส่งผลให้เรือต่อใหม่เป็นที่ต้องการมากขึ้น และได้รับอัตราค่าบริการในระดับที่ดี สะท้อนถึงโอกาสการเติบโตที่ชัดเจนในธุรกิจนี้ในระยะข้างหน้า
ทั้งนี้ การขยายธุรกิจของบริษัทฯ เป็นไปอย่างราบรื่น โดยต่อยอดจากความสำเร็จในการเพิ่มการให้บริการเรือ Crew Boat แก่บริษัทน้ำมันแห่งชาติอาบูดาบี (ADNOC) ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ปัจจุบันบริษัทฯ ยังได้ขยายการให้บริการดังกล่าวให้แก่ NMDC LTS ภายใต้เครือ NMDC ผู้เชี่ยวชาญด้านการขุดลอกทางทะเล และการวางโครงสร้างพื้นฐานชายฝั่งแห่งอาบูดาบี เพิ่มเติมอีก 2 ลำ ความก้าวหน้านี้สะท้อนถึงศักยภาพด้านการให้บริการที่มีมาตรฐานระดับสากล ตลอดจนความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจากลูกค้าต่างประเทศที่บริษัทฯ ได้รับอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานด้าน ESG ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ดำเนินควบคู่ไปกับการให้บริการ โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินการวัดและรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าที่ผ่านการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO เพื่อใช้ในการวางแผนและพัฒนามาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งจัดกิจกรรม CSR เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตชุมชนและการอนุรักษ์ระบบนิเวศชายฝั่ง อีกทั้งยังคงให้ความสำคัญกับหลักธรรมาภิบาล ผ่านผลการประเมิน CGR ระดับ 5 ดาว และการได้รับการรับรองเป็นแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทยอย่างต่อเนื่อง
ด้วยศักยภาพการบริหารจัดการกองเรือที่แข็งแกร่งควบคู่กับการขยายตลาดเชิงรุกสู่ต่างประเทศ ภายใต้ความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์และภาวะตลาด PRM ยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจเดินเรือของภูมิภาค พร้อมเดินหน้าพัฒนาคุณภาพการให้บริการตามมาตรฐานสากล และต่อยอดโอกาสทางธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนให้แก่บริษัทฯ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระยะยาว
Symbol: PRM
