กทม. รุดตรวจสอบความปลอดภัย-โครงสร้างอาคารเก่าทั่วกรุง ป้องกันอันตรายผู้สัญจร

นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเหตุกันสาดอาคารบ้านเรือนประชาชนทรุดตัวบริเวณปากซอยสำราญราษฎร์ และการตรวจสอบความปลอดภัยและความแข็งแรงของโครงสร้างอาคารเก่าในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า จากเหตุกันสาดอาคารบ้านเรือนประชาชนทรุดตัวบริเวณปากซอยสำราญราษฎร์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สนย. สำนักงานเขตพระนคร และหน่วยงานดับเพลิงกู้ภัย โดยตรวจสอบอาคารที่เกิดเหตุ อาคารใกล้เคียง และบริเวณโดยรอบ พร้อมทั้งออกคำสั่งให้ปิดการจราจรบริเวณซอยดังกล่าว และขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางเป็นการชั่วคราว อีกทั้งมีคำสั่งให้สำนักงานเขตฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินสภาพอาคารโดยรอบว่า มีโอกาสเกิดเหตุตามมาอีกหรือไม่ และเพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำได้ปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุ (กั้นรั้ว ห้ามเข้า) เพื่อป้องกันอันตรายจากเศษซากอาคารที่อาจหล่นซ้ำ ตัดกระแสไฟฟ้าในอาคาร หรือส่วนที่เสี่ยง เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร หรือประกายไฟจากการสั่นสะเทือน ดำเนินการรื้อซากปูน อิฐ เศษคอนกรีตที่ถล่มแล้วออกจากจุดอันตรายภายใต้การควบคุมโดยหน่วยงานวิศวกร/โยธา และหน่วยกู้ภัยการตรวจสอบโครงสร้างอาคารที่อยู่ติดกับจุดเกิดเหตุ (อาคารข้างเคียง) เพื่อประเมินว่ามีผลกระทบ หรือแรงดันที่อาจทำให้อาคารเหล่านั้นเสียหายเพิ่มเติม หรือทรุดตัวได้หากพบจุดอ่อนหรือความเสี่ยงสูง อาจมีคำสั่งให้ผู้พักอาศัยอพยพออกชั่วคราวจนกว่าจะซ่อมแซมหรือเสริมความมั่นคง

 ขณะเดียวกันปลัดกรุงเทพมหานคร ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการเขตทุกเขตสำรวจอาคารเก่าที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม มีลักษณะเป็นภยันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน อาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนและความเสียหายต่อประชาชนในอาคารและที่สัญจรในบริเวณใกล้เคียง หรืออาคารที่มีอายุมากกว่า 40 ปีที่มีความเสี่ยงอาจเกิดเหตุดังกล่าว และดำเนินการตามกฎกระทรวงการแก้ไขอาคารที่มีสภาพ หรือการใช้ที่อาจเป็นภยันตราย ต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน หรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัย หรือก่อให้เกิดเหตุรำคาญ หรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2563 รายงานผลให้ สนย.รวบรวม เพื่อรายงานผู้บริหาร กทม. ทราบต่อไป ส่วนความคืบหน้าการจัดทำฐานข้อมูลอาคารเก่าแต่ละประเภทในกรุงเทพฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลและนำข้อมูลเข้าในระบบบริการจัดการงานควบคุมอาคารของสำนักงานควบคุมอาคาร สนย. ซึ่งดำเนินการรวบรวมแยกตามประเภทอาคารไปแล้วกว่า 2,974 อาคาร

นอกจากนี้ สนย. ได้ให้คำแนะนำแก่เจ้าของและผู้ใช้ประโยชน์อาคารในการตรวจสอบ บำรุงรักษาอุปกรณ์ประกอบของอาคารให้เกิดความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน ประกอบด้วย การสังเกตอาการเตือน (อาการผิดปกติของอาคาร) รอยแตกร้าว (ผนัง เพดาน เสา) โดยเฉพาะรอยแตกร้าวที่กว้าง หรือมีแนวต่อเนื่อง ปูนผุกร่อน/หลุดล่อน บริเวณกันสาด รอยต่อคาน รอยต่อผนัง เหล็กเสริมโผล่ออกมา หรือขึ้นสนิมฝ้าเพดานหลุดร่อน มีรอยน้ำซึมมีเสียง หรือการสั่นเมื่อใช้งาน การเอียงของโครงสร้าง (วัดได้) การบำรุงรักษา/ซ่อมแซมเบื้องต้นซ่อมแซมรอยร้าวเล็ก ๆ ด้วยซีเมนต์ หรือวัสดุอุดรอยร้าวเคลือบกันซึมบริเวณกันสาด และตรวจเช็กรอยต่อระหว่างผนังกับกันสาด พ่นสารกันสนิม หรือเคลือบเหล็กเสริมในกรณีที่มีการผุกร่อน ตัดต้นไม้ หรือวัชพืชที่อาจแทรกซึมเข้าในโครงสร้าง รื้อซากวัสดุ หรือเศษซากที่อาจกดทับโครงสร้างจ้างวิศวกรอาคาร (ผู้ตรวจสอบอาคารที่ได้รับอนุญาต) มาตรวจสภาพอาคารประจำ (เช่น ทุก 5–10 ปี หรือเมื่อพบความผิดปกติ) และเมื่อพบปัญหารุนแรง/จุดเสี่ยงสูง ให้หลีกเลี่ยงการใช้งานบริเวณที่เสี่ยง (เช่น ห้ามยืนใต้กันสาดที่ร้าว) และแจ้งสำนักงานเขต/กทม. เพื่อขอให้ตรวจสอบและให้คำสั่งตามกฎหมาย หากได้รับคำสั่งให้ซ่อมแซม หรือเสริมความมั่นคง ต้องดำเนินการให้เรียบร้อยภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมถึงพิจารณาเสริมโครงสร้าง (คาน เสา ฐาน) โดยวิศวกร เพื่อความปลอดภัย

ที่มา: กรุงเทพมหานคร