รมว. นฤมล เปิดเวทีสัมมนา OECD ขับเคลื่อนโครงการ ‘Developing Skills Strategy in Thailand’ ยกระดับกำลังคนสู่เศรษฐกิจ BCG

ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิณโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานเปิดตัวรายงานโครงการ Developing Skills Strategy in Thailand – Country Programme ระยะที่ 2 ระหว่างรัฐบาลไทย กับ The Organization for Economic Co-operation and Development (OECD) โดยย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก และขับเคลื่อนประเทศสู่โมเดลเศรษฐกิจใหม่ พร้อมด้วยผู้แทนจาก OECD สถานเอกอัครราชทูตฟินแลนด์ หอการค้าอังกฤษ เยอรมัน-ไทย ไอร์แลนด์ ผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หน่วยงานกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมงาน ในการนี้ นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวรายงาน ณ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพมหานคร

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า โลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ ทั้งการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล การเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเข้าสู่สังคมสูงวัย และภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะเดียวกัน วิกฤตโควิด-19 ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ประเทศที่มีระบบทักษะและทรัพยากรมนุษย์ที่ยืดหยุ่น มีความสามารถในการเรียนรู้ตลอดชีวิต ย่อมมีความพร้อมในการรับมือและฟื้นตัวได้เร็วกว่า “รัฐบาลไทย โดยกระทรวงศึกษาธิการ จึงมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และ แผนการศึกษาแห่งชาติ ที่เน้นการสร้างคนไทยให้มี ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ได้แก่ ทักษะดิจิทัล ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาเชิงซับซ้อน และความสามารถในการเรียนรู้ตลอดชีวิต”

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยได้ร่วมมือกับ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ภายใต้กรอบการดำเนินงาน Country Programme ระยะที่ 2 ในโครงการ “Developing Skills Strategy in Thailand” ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยได้รับการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านทักษะของกำลังคนในปัจจุบันและอนาคต เพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในประเทศและระดับสากล จึงมิได้สร้างประโยชน์เฉพาะต่อประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นต้นแบบให้แก่ประเทศอื่น ๆ ซึ่งต่างก็เผชิญกับความท้าทายและความเปลี่ยนแปลงในทิศทางเดียวกัน

รมว.ศธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาระบบทักษะของประเทศไม่อาจสำเร็จได้หากอาศัยการทำงานจากภาคการศึกษาเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง ทั้งภาครัฐที่เป็นผู้กำหนดนโยบาย ภาคเอกชนที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ องค์กรวิชาชีพที่กำหนดมาตรฐาน ภาคประชาสังคมที่เสริมสร้างการมีส่วนร่วม รวมถึงสถาบันการศึกษาและองค์กรระหว่างประเทศที่ช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้และนวัตกรรม ซึ่งการบูรณาการพลังความร่วมมือจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างกำลังคนคุณภาพสูงที่พร้อมเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ และสามารถขับเคลื่อนประเทศไปสู่อนาคตที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนได้อย่างแท้จริง

“การสัมมนาครั้งนี้จะเป็นเวทีสำคัญในการเผยแพร่ข้อค้นพบและข้อเสนอเชิงนโยบายจาก OECD และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนาทักษะของประเทศไทยในอนาคต โดยเชื่อมั่นว่าผลลัพธ์จากความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การสร้างระบบทักษะที่เข้มแข็ง เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจฐานความรู้ และสนับสนุนการเติบโตของ BCG Economy เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้แก่ประเทศไทยต่อไป” รมว.ศธ. กล่าว

นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า รัฐบาลไทย โดยสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ดําเนินโครงการ Country Programme Phase II ร่วมกับองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ภายหลังการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ณ สํานักงานใหญ่ OECD กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ภายใต้แผนการดําเนินงานของ OECD ได้พัฒนาข้อเสนอโครงการ Developing Skills Strategy in Thailand ซึ่งอยู่ในกรอบความร่วมมือด้านการสร้างสังคมที่ครอบคลุมและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะด้านการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการได้ให้การรับรองโครงการดังกล่าว พร้อมกับมีหน่วยงานร่วมเป็นเจ้าภาพ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน และสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ต่อสาธารณชนเกี่ยวกับการเสริมสร้างระบบทักษะแห่งประเทศไทย นำเสนอการประเมินจุดแข็งและความท้าทายของระบบทักษะ พร้อมข้อเสนอเชิงนโยบายที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศ และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และองค์การระหว่างประเทศ ตลอดจนกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบายสู่การปฏิบัติจริง

ด้าน นายแอนดรูว์ เบลล์ รองหัวหน้าศูนย์ทักษะองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) กล่าวว่า ความร่วมมือ OECD–Thailand ภายใต้โครงการ OECD Skills Strategy ได้ทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยเพื่อระบุประเด็นนโยบายด้านทักษะที่สำคัญ และพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างระบบทักษะของประเทศ ผ่านการวิจัยเชิงเอกสารและการมีส่วนร่วมกับรัฐบาลและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในหลายภาคส่วนตลอดระยะเวลา 19 เดือน ระหว่างปี 2023 ถึง 2025 โครงการนี้ส่งผลให้เกิดข้อเสนอแนะ 20 ประการใน 3 พื้นที่สำคัญที่มุ่งให้ทิศทางเชิงกลยุทธ์ด้านนโยบายสำหรับประเทศไทย โดยเสนอแนะ 3 นโยบายหลัก ได้แก่ นโยบายที่ 1 การเสริมสร้างทักษะของเยาวชนในระบบการศึกษาเริ่มต้น นโยบายที่ 2 การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ตลอดชีวิตของผู้ใหญ่ และนโยบายที่ 3 การเสริมสร้างการกำกับดูแลระบบทักษะ

และย้ำว่าไทยกำลังเผชิญความท้าทายสำคัญ ทั้งการเข้าสู่สังคมสูงวัย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเป้าหมาย Net-zero ปี 2065 รวมถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งล้วนต้องการทักษะใหม่ ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง การลงทุนในทักษะ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยเพิ่มนวัตกรรม ผลิตภาพ และการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา