แม้จะฟังดูไม่น่าเกี่ยวข้องกัน แต่ในความเป็นจริง “การใช้บัตรเครดิตคือเครื่องมือทางการเงินที่มีผลต่อการกู้ซื้อบ้าน” โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการพิจารณา ประวัติเครดิต และ ภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt-to-Income Ratio) ซึ่งเป็นสองปัจจัยสำคัญที่ธนาคารใช้ประกอบการอนุมัติสินเชื่อบ้าน บทความนี้จะพาคุณไปเข้าใจว่าบัตรเครดิตสามารถกลายเป็น “แต้มต่อ” หรือ “ตัวถ่วง” ของคุณได้อย่างไร

บัตรเครดิต = ตัวสร้างประวัติเครดิตที่สำคัญ
การใช้บัตรเครดิตคือวิธีหนึ่งในการสร้างประวัติเครดิต (Credit History) โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่มีประวัติการกู้ยืมมาก่อน เช่น ฟรีแลนซ์ มนุษย์เงินเดือนวัยเริ่มต้น หรือเจ้าของกิจการขนาดเล็ก หากคุณใช้บัตรเครดิตอย่างสม่ำเสมอ และชำระเต็มจำนวนตรงเวลา ระบบของเครดิตบูโรจะเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ และกลายเป็น สัญญาณเชิงบวก ว่าคุณเป็นผู้กู้ที่มีวินัย และมีความสามารถในการชำระหนี้
เคล็ดลับ: ควรใช้วงเงินไม่เกิน 30% ของวงเงินทั้งหมด และไม่ค้างชำระ เพื่อให้เครดิตบูโรของคุณดูน่าเชื่อถือ
ธนาคารดูอะไรบ้างเมื่อพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ?
ธนาคารหรือสถาบันการเงินไม่ได้พิจารณาแค่รายได้ของคุณเท่านั้น แต่ยังดูประวัติการเงินโดยรวม ไม่ว่าจะเป็น:
- พฤติกรรมการชำระหนี้
- จำนวนบัญชีบัตรเครดิตที่ถืออยู่
- ภาระหนี้รวมรายเดือน (รวมถึงยอดบัตรเครดิตที่ยังไม่ได้ชำระ)
- จำนวนการผ่อนชำระ เช่น ผ่อนโทรศัพท์ ผ่อนของ 0% ฯลฯ
- เครดิตสกอร์จากเครดิตบูโร
ดังนั้น หากคุณมีบัตรเครดิตหลายใบ แต่ใช้เกินกำลังหรือผ่อนสินค้าหลายชิ้นในเวลาเดียวกัน อาจทำให้ธนาคารตีความว่าคุณ “มีภาระหนี้สูง” และลดโอกาสในการอนุมัติวงเงินบ้านที่คุณต้องการ
ใช้บัตรเครดิตให้เป็น เพื่อเพิ่มโอกาสกู้ผ่าน
การใช้บัตรเครดิตให้เป็นระบบ มีวินัย และแสดงพฤติกรรมทางการเงินที่ดีต่อเนื่อง 6-12 เดือน สามารถช่วยให้การยื่นขอสินเชื่อบ้านดู “น่าเชื่อถือ” ขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่คุณ:
- ไม่มีภาระหนี้สินเชื่อบุคคลอื่น
- ชำระเต็มยอดตรงเวลาทุกเดือน
- ไม่สมัครบัตรเพิ่มโดยไม่จำเป็น
- ไม่ใช้วงเงินเต็มขีดความสามารถ
- มี Statement การเงินที่แสดงความสามารถในการออม
สิ่งเหล่านี้จะทำให้เครดิตบูโรของคุณสะอาด และธนาคารมองว่าคุณเป็นผู้กู้ที่มีความมั่นคงในการเงิน
ข้อควรระวัง: บัตรเครดิตก็เป็นดาบสองคม
ถึงแม้บัตรเครดิตคือเครื่องมือสร้างเครดิตที่ดี แต่ถ้าใช้อย่างไม่ระมัดระวัง เช่น:
- ค้างชำระบ่อย
- จ่ายขั้นต่ำต่อเนื่อง
- ใช้วงเงินเกือบเต็มในทุกเดือน
- สมัครหลายใบในช่วงเวลาใกล้กัน
- มีประวัติค้างชำระเกิน 90 วัน
จะส่งผลเสียต่อคะแนนเครดิตทันที และลดความน่าเชื่อถือของคุณในสายตาธนาคารอย่างมาก อาจถึงขั้นทำให้ “กู้บ้านไม่ผ่าน” ได้เลย
แล้วต้องใช้บัตรเครดิตแบบไหนถึงจะเหมาะ ?
ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรระดับพรีเมียมหรือบัตรเครดิตที่มีวงเงินสูง สิ่งสำคัญคือ “พฤติกรรมการใช้” มากกว่า ไม่ว่าคุณจะใช้บัตรเครดิตใบใด หากคุณ:
- ใช้ในยอดที่เหมาะสมกับรายได้
- ชำระเต็มจำนวนสม่ำเสมอ
- ไม่สะสมยอดหนี้
- มีหลักฐานการเงินชัดเจน
ก็สามารถสร้างเครดิตโปรไฟล์ที่ดีได้อย่างแน่นอน
บัตรเครดิตช่วยให้กู้บ้านผ่านง่ายขึ้น…ถ้าใช้เป็น
คำตอบคือ “จริง” แต่เฉพาะในกรณีที่คุณใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัยและไม่สร้างภาระหนี้เกินความสามารถ เพราะข้อมูลจากบัตรเครดิตจะถูกส่งต่อไปยังเครดิตบูโร ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลสำคัญที่ธนาคารใช้ประเมินความเสี่ยงของผู้กู้ ดังนั้น ถ้าคุณต้องการให้บัตรเครดิตคือตัวช่วยในการกู้บ้าน สิ่งที่ควรทำที่สุดคือ:
- ใช้จ่ายอย่างมีแผน
- จ่ายเต็มทุกเดือน
- ไม่เปิดหลายใบเกินจำเป็น
- ไม่ผ่อนสินค้าเกิน 1–2 รายการพร้อมกัน
- มีวินัยทางการเงินต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือนก่อนยื่นกู้
การวางแผนและการจัดการบัตรเครดิตอย่างรอบคอบ จะเปลี่ยนจากภาระเป็นแต้มต่อสำคัญในเส้นทางสู่ “บ้านในฝัน” ของคุณได้ไม่ยาก