มาห์เลมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืน ด้วยนวัตกรรมระบบขับเคลื่อนพร้อมสำหรับการผลิต

  • มาห์เลยกขบวนนวัตกรรมสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและโซลูชันระบบส่งกำลังที่ยั่งยืนร่วมจัดแสดงในงาน IAA Mobility
  • ระบบเปลี่ยนน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่และโมดูลการจัดการความร้อนแบบใหม่ ช่วยเพิ่มระยะทางขับขี่ และคลายความกังวลของผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า
  • มาห์เลจัดหาชิ้นส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องยนต์ที่ใช้เอทานอลเป็นเชื้อเพลิง ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถดึงศักยภาพมหาศาลของเชื้อเพลิงชีวภาพมาใช้ในการปกป้องสภาพภูมิอากาศได้อย่างเห็นผลทันที
  • ความหลากหลายทางเทคโนโลยีเป็นกลยุทธ์ที่กลุ่มบริษัทระดับโลกอย่างมาห์เลยึดถือมาโดยตลอด
  • อาร์นด์ ฟรานซ์ ซีอีโอของมาห์เล กล่าวว่า “ยุโรปต้องการความหลากหลายทางเทคโนโลยีเพื่อการปกป้องสภาพภูมิอากาศ เสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน และรักษาการจ้างงานในภูมิภาค”

ในงาน IAA Mobility ประจำปีนี้ที่เมืองมิวนิก มาห์เล (MAHLE) เข้าร่วมจัดแสดงนวัตกรรมสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและโซลูชันระบบส่งกำลังที่ยั่งยืน เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในการจราจรบนท้องถนน อาร์นด์ ฟรานซ์ (Arnd Franz) ประธานคณะกรรมการบริหารและซีอีโอของมาห์เล กล่าวกับสื่อมวลชนที่งาน IAA ว่า ผลิตภัณฑ์ของเราไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แต่พร้อมเข้าสู่สายการผลิตในเชิงพาณิชย์ เพื่อส่งมอบโซลูชันจริงที่สามารถตอบโจทย์ความท้าทายที่ลูกค้าของเราเผชิญอยู่จริง พร้อมเสริมว่า ระบบเปลี่ยนน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงของมาห์เล มาพร้อมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแรงดันสูงในตัว จึงช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่ของยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ได้ไกลถึง 1,350 กม. ทำให้ระบบนี้เปรียบเสมือน เครื่องยนต์ของรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่โมดูลการจัดการความร้อนขนาดกะทัดรัดที่รวมฮีทปั๊มในตัวก็สามารถเพิ่มระยะทางของรถยนต์ไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 20% แม้ในอุณหภูมิต่ำ นอกจากนี้ มาห์เลยังจัดแสดงชิ้นส่วนสำหรับเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้เอทานอลได้สูงสุดถึง 100% ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของยานพาหนะที่มีอยู่ในปัจจุบันได้อย่างมหาศาลและทันที มาห์เลกำลังทำหน้าที่ของเรา และมุ่งมั่นที่จะลดคาร์บอนจากการจราจรทางถนนด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลายครอบคลุมทุกด้าน ในขณะเดียวกัน ถึงเวลาแล้วที่ยุโรปต้องทำตามตลาดอื่น ๆ ของโลก ด้วยการเปิดให้มีการแข่งขันด้านเทคโนโลยีภายใต้กฎหมายควบคุมการปล่อย CO2 ของยุโรปซีอีโอของมาห์เลกล่าว นี่ไม่ใช่เรื่องของการปกป้องสภาพภูมิอากาศเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงความสามารถในการแข่งขันของยุโรปและการปกป้องการจ้างงานด้วย ทั้งนี้ งาน IAA Mobility จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-14 กันยายน 2568 พบกับบูธของมาห์เลได้ที่ Hall A1

“Efficiency in Motion” (ประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน) คือพันธกิจของมาห์เล กรุ๊ป และภายใต้แนวคิด “Efficiency³” (ประสิทธิภาพยกกำลังสาม) บริษัทจะนำเสนอนวัตกรรมในสามด้านหลัก ได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า การจัดการความร้อน และเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ยั่งยืน “ลูกค้าของเราคาดหวังถึงคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ ความคุ้มค่า และประสิทธิภาพ” อาร์นด์ ฟรานซ์ กล่าว “และนั่นคือสิ่งที่มาห์เลมอบแก่ลูกค้า”

ระบบเปลี่ยนน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่: เครื่องยนต์ของรถยนต์ไฟฟ้าที่มาในขนาดกะทัดรัดและประหยัดทรัพยากร
นอกจากรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ 100% แล้ว มาห์เลยังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีการเปลี่ยนน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ ซึ่งจะช่วยคลายความกังวลของลูกค้าในเรื่องระยะทางการขับขี่ และทำให้ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นที่ยอมรับมากขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ระบบเปลี่ยนน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่จะมีส่วนแบ่งในตลาดเพิ่มขึ้น 15% ต่อปีจนถึงปี 2573 ดังเห็นได้จากความต้องการที่แข็งแกร่งในปัจจุบัน โดยเฉพาะในประเทศจีน ระบบใหม่จากมาห์เลรองรับการปรับขนาดแบตเตอรี่ในราคาที่คุ้มค่า และลดเวลาในการชาร์จสำหรับการเดินทางระยะไกล

โมดูลการจัดการความร้อน: ตัวเพิ่มประสิทธิภาพและระยะทาง
โมดูลการจัดการความร้อนใหม่จากมาห์เล ช่วยแก้ปัญหาสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้า นั่นคือการสูญเสียระยะทางที่เกิดจากการทำความร้อนในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำ ในฐานะส่วนต่อประสานหลักสำหรับวงจรระบายความร้อนและทำความเย็นทั้งหมดของรถยนต์ โมดูลนี้จะช่วยให้ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นของระบบขับเคลื่อนและกักเก็บพลังงานสามารถคงอุณหภูมิที่เหมาะสมได้ตลอดเวลาและในทุกสภาพภูมิอากาศ พร้อมทั้งสร้างสภาพอากาศที่สะดวกสบายภายในห้องโดยสาร ขณะเดียวกัน ปัญหาการขาดความร้อนเหลือทิ้งในระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ายังได้รับการแก้ไขอย่างชาญฉลาด ด้วยการรวมฮีทปั๊มประสิทธิภาพสูงเข้ากับโมดูล จึงไม่จำเป็นต้องติดตั้งระบบทำความร้อนเพิ่มเติมอีกต่อไป

เซลล์เชื้อเพลิงเอทานอล: ลดการปล่อย CO2 และประหยัดเชื้อเพลิง
มาห์เลได้พัฒนาชิ้นส่วนสำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้เอทานอลเป็นเชื้อเพลิงโดยเฉพาะ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่มีต่อเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูง เทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มสัดส่วนของเชื้อเพลิงหมุนเวียนในการจราจรทางถนน และเร่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคการคมนาคมขนส่งได้อย่างเห็นผลทันที

พัดลมหมุนเหวี่ยงแบบไบโอนิก: ประสิทธิภาพที่ได้รับแรงบันดาลใจจากปีกของนกเพนกวิน
หลายครั้งหลายหนที่มาห์เลนำแรงบันดาลใจจากธรรมชาติมาใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างล่าสุดคือ พัดลมแบบหมุนเหวี่ยงที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับระบบปรับอากาศในรถยนต์ ในกรณีนี้ ทีมวิศวกรของมาห์เลได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบใบพัดมาจากปีกของนกเพนกวิน และนำเครื่องมือ AI ภายในองค์กรมาช่วยสนับสนุนการพัฒนา มาห์เลเรียกกระบวนการที่วิศวกรชี้แนะ AI และป้อนข้อมูลว่า “วิศวกรรมเหนือมนุษย์” (superhuman engineering) ที่ช่วยให้ทีมวิศวกรสามารถสร้างแบบเสมือนจริงได้มากกว่า 30 ล้านแบบในเวลาอันสั้น และผลิตต้นแบบชิ้นแรกได้อย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นพัดลมที่ปฏิวัติวงการ เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์หลากหลายประเภท พร้อมกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับภาคอุตสาหกรรม

โซลูชันการชาร์จและบริการอัจฉริยะ
นอกจากนี้ มาห์เลยังนำเสนอ chargeBIG ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จแบบปรับขนาดได้ที่มาพร้อมกับเครื่องชาร์จติดผนัง (wallbox) ขนาดเล็กที่สุดในโลก และเครื่องชาร์จแบบพกพาสำหรับการใช้งานชั่วคราว ระบบชาร์จแบบไร้สายของมาห์เลได้รับการยอมรับจาก SAE International ให้เป็นมาตรฐานสากล ด้วยประสิทธิภาพสูงกว่า 92%

สำหรับไฮไลต์อื่น ๆ ได้แก่ อุปกรณ์ตรวจวิเคราะห์ E-HEALTH Charge ที่สามารถวัดประสิทธิภาพการทำงานของแบตเตอรี่ได้ภายใน 15 นาที และ Workshop Heroes Van รถตู้ที่ตระเวนไปทั่วยุโรปเพื่อนำเสนอเครื่องมือใหม่ ๆ สำหรับบริการตรวจวิเคราะห์ การปรับเทียบ และระบบปรับอากาศ

“Efficiency in Motion” (ประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน) คือพันธกิจของมาห์เล กรุ๊ป และ บริษัทมุ่งมั่นที่จะส่งมอบคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และประสิทธิภาพสำหรับการขับเคลื่อนแห่งอนาคต ภายใต้แนวคิด Efficiency³ (ยานยนต์ไฟฟ้า การจัดการความร้อน และเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ยั่งยืน)

เกี่ยวกับมาห์เล

มาห์เล คือ หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาและซัพพลายเออร์ชั้นนำระดับนานาชาติสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมีลูกค้าทั้งในภาคส่วนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2463 และปัจจุบันกำลังพัฒนาการเดินทางแห่งอนาคตที่มีความเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศ โดยมุ่งเน้นไปที่ระบบขับเคลื่อนยานยนต์ไฟฟ้าและการจัดการความร้อน รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน เช่น เซลล์เชื้อเพลิง หรือเครื่องยนต์สันดาปภายในที่สะอาดและมีประสิทธิภาพสูงซึ่งใช้เชื้อเพลิงหมุนเวียนอย่างไฮโดรเจน เป็นต้น ทุกวันนี้รถยนต์หนึ่งในสองคันทั่วโลกต่างใช้ส่วนประกอบจากมาห์เล

ในปี 2567 มาห์เลทำยอดขายได้ 11,700 ล้านยูโร บริษัทมีพนักงานเกือบ 68,000 คนประจำอยู่ในฐานการผลิต 135 แห่งและศูนย์เทคโนโลยี 11 แห่ง โดยบริษัทมีการดำเนินงานใน 28 ประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567)

ที่มา: MAHLE Services (Thailand)