นายวิรัตน์ มนัสสนิทวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. กล่าวถึงการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฝุ่นละอองที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 25 – 29 ธ.ค. 63 ว่า ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้จัดประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในกรุงเทพมหานคร โดยที่ประชุมได้ยกระดับมาตรการเป็นระยะตามสถานการณ์ฝุ่นละออง คือ มาตรการระยะที่ 1 สำหรับสถานการณ์ฝุ่นละอองไม่เกิน 50 มค.ก./ลบ.ม. ได้แก่ การล้างถนน การกำกับดูแลสถานที่ก่อสร้าง กวดขันไม่ให้มีการเผาในที่โล่ง และติดตั้งเครื่องวัดปริมาณฝุ่นบริเวณสวนสาธารณะ มาตรการระยะที่ 2 สำหรับสถานการณ์ที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กระหว่าง 51-75 มค.ก./ลบ.ม. ได้แก่ การปิดการเรียนการสอนโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ครั้งละไม่เกิน 3 วัน การบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดในการเผา การงดกิจกรรมก่อสร้างที่เกิดฝุ่น จัดให้มี Safe Zone ในทุกโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็กสังกัดกรุงเทพมหานคร และมาตรการ ระยะที่ 3 สำหรับสถานการณ์ที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก 76 มค.ก./ลบ.ม. ได้แก่ การปิดการเรียนการสอนครั้งละไม่เกิน 15 วัน ให้บุคลากรของกรุงเทพมหานครเหลื่อมเวลาการทำงานและลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว นอกจากนั้นยังให้คำแนะนำในการเฝ้าระวังสุขภาพและวิธีป้องกันตนเองจากฝุ่นละออง PM2.5 เพื่อให้ประชาชนวางแผนการทำงาน การทำกิจกรรมโดยเฉพาะในพื้นที่ที่คุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ควรสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5 ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน
นางป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. กล่าวว่า สำนักอนามัย ได้ร่วมกับสำนักสิ่งแวดล้อมรณรงค์การมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง ขณะเดียวกันได้ร่วมกับสำนักงานประชาสัมพันธ์ เน้นย้ำข้อควรปฏิบัติแก่ประชาชนในการเฝ้าระวังสุขภาพ รวมทั้งวิธีป้องกันตนเองจากฝุ่นละออง PM2.5 โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ตลอดจนสร้างความตระหนักให้ประชาชนได้ทราบถึงอันตรายของฝุ่นละออง PM2.5 อีกด้วย