นายเพชรพงษ์ กำจรกิจการ รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) รักษาราชการแทน ผอ. สนพ.กทม. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขของ กทม. เพื่อรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ว่า สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เดือน ม.ค. – ส.ค. 68 พบแนวโน้มผู้ป่วยลดลงต่อเนื่องจากต้นปี โดยเดือน ม.ค. มีผู้ป่วยใหม่ 12,121 ราย และในเดือน มิ.ย. ลดลงเหลือ 3,732 ราย ก่อนกลับมาสูงขึ้นเล็กน้อยในเดือน ก.ค. 5,482 ราย และเดือน ส.ค. 5,904 ราย ในปี 2568 รวมผู้ป่วยสะสมกว่า 63,165 ราย ทั้งนี้ สนพ. ได้ติดตามสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่อย่างใกล้ชิด พบว่าแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ต้นปี 68 ของกรุงเทพฯ สอดคล้องกับภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กอายุ 5–14 ปีเป็นกลุ่มที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงที่สุด เนื่องจากเป็นกลุ่มวัยเรียนที่มีความเสี่ยงสูงจากการอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนในสถานศึกษา โดยเฉพาะในช่วงเดือน พ.ย. 68 ที่ยังคงพบการระบาดในลักษณะกลุ่มก้อน (Cluster) ในสถานที่ปิด เช่น สถานศึกษา เรือนจำ แม้ภาพรวมจะมีแนวโน้มลดลงก็ตาม

ทั้งนี้ สนพ. ได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ในโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนของ กทม. โดยประสานสำนักการศึกษา (สนศ.) สำนักพัฒนาสังคม (สพส.) และสำนักอนามัย (สนอ.) ให้มีระบบคัดกรองนักเรียนที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ รายงานข้อมูลให้ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ทันที รวมถึงการประสานส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือผู้ที่มีอาการรุนแรงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล พร้อมให้คำแนะนำการทำความสะอาดสถานที่และการพิจารณามาตรการปิดชั้นเรียนหากพบการระบาด รวมทั้งการเฝ้าระวังแบบเครือข่ายโดยจัดตั้งระบบรายงานข้อมูลผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจจากสถานพยาบาลในสังกัด เพื่อประเมินความรุนแรงและติดตามสายพันธุ์ที่ระบาด ซึ่งพบว่า สายพันธุ์ A/H3N2 เป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุดถึงร้อยละ 76
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้โรงพยาบาลในสังกัด กทม. ทั้ง 11 แห่งเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์โรคระบบทางเดินหายใจ โดยให้สำรองยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นอย่างเพียงพอสำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง พร้อมทั้งจัดเตรียมพื้นที่และเตียงผู้ป่วยสำหรับคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ (ARI Clinic) และจัดระบบ Fast Track เพื่อให้ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่มีอาการรุนแรงได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ขณะเดียวกันได้กำชับให้บุคลากรทางการแพทย์เฝ้าระวังและติดตามผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนที่อาจเจ็บป่วยจากโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง อาทิ โรคปอดอักเสบ และโรคติดเชื้อไวรัส RSV อย่างใกล้ชิดควบคู่กันไป
ขณะเดียวกันได้เดินหน้าขับเคลื่อนการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน 7 กลุ่มเสี่ยง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิต โดยข้อมูลระดับประเทศ พบผู้เสียชีวิตร้อยละ 94 ไม่มีประวัติได้รับวัคซีน พร้อมทั้งดำเนินมาตรการเชิงรุกผ่านการประชาสัมพันธ์ในช่องทางออนไลน์และขยายการให้บริการวัคซีนไปยังประชาชนที่เข้ารับการตรวจสุขภาพภายใต้โครงการ “ตรวจสุขภาพ 1 ล้านคน” ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของ กทม. ในการดูแลสุขภาพของประชาชนทุกคน รวมถึงเปิดให้ประชาชนสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลในสังกัด กทม. ทั้ง 11 แห่ง และศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง เพื่อให้เข้าถึงการป้องกันโรคได้อย่างทั่วถึงและทันท่วงที
ที่ผ่านมา ได้สื่อสารสร้างความตระหนักและความเข้าใจแก่ประชาชนทุกกลุ่มเกี่ยวกับความสำคัญของวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิต โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงและผู้สูงอายุ ซึ่งพบว่า ค่าเฉลี่ยอายุของผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 61 ปี พร้อมย้ำให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี เนื่องจากสายพันธุ์ของเชื้อมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตลอดจนเน้นย้ำการปฏิบัติตนเพื่อดูแลสุขภาพและป้องกันโรคด้วยการรักษาสุขอนามัย เช่น ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในพื้นที่แออัด หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก และเมื่อมีอาการเจ็บป่วย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นและลดความเสี่ยงการติดเชื้ออื่น ๆ รวมถึงให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่นและหยุดเรียนหรือหยุดงานหากมีอาการไข้ ไอ หรือเจ็บคอ
นางดวงพร ปิณจีเสคิกุล ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวว่า สนอ. ได้ดำเนินการเฝ้าระวัง ควบคุม และลดผลกระทบจากโรคไข้หวัดใหญ่ต่อสุขภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลจนถึงวันที่ 15 พ.ย. 68 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สะสม 134,886 ราย คิดเป็นอัตราป่วยสะสม 2,472 รายต่อแสนประชากร โดยมีผู้เสียชีวิตสะสม 6 ราย กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยสูงที่สุด ได้แก่ เด็กอายุ 5–9 ปี รองลงมาคือกลุ่มอายุ 0–4 ปี และ 10–14 ปี ตามลำดับ ทั้งนี้ สนอ. ได้ดำเนินมาตรการสื่อสารความรู้แก่ประชาชน เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่และแนวทางการป้องกัน โดยเน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่แออัดหรือเมื่อมีอาการเจ็บป่วย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ รวมถึงการล้างมือบ่อย ๆ และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้อื่นเมื่อมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ พร้อมทั้งส่งเสริมการฉีดวัคซีน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นฤดูกาลระบาดของโรค และสภาพอากาศชื้นเอื้อต่อการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสได้มากขึ้น
สำหรับความคืบหน้าการให้บริการวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ สนอ. ได้ฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม ในศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่ง รวมถึงการออกหน่วยฉีดวัคซีนเชิงรุกในชุมชน สถานดูแลผู้สูงอายุ และโรงเรียนสังกัด กทม. โดยได้รณรงค์ฉีดวัคซีนประจำปีในช่วงเดือน พ.ค. – ส.ค. 68 และให้บริการวัคซีน เพื่อควบคุมการระบาดในฤดูหนาวช่วงเดือน ต.ค. รวมแล้วประมาณ 250,000 โดส นอกจากนี้ กทม. ได้เตรียมความพร้อมระบบบริการทางการแพทย์ เพื่อรองรับสถานการณ์ผู้ป่วยที่อาจเพิ่มขึ้น โดยจัดเตรียมแถบ rapid test สำหรับวินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่ พร้อมสำรองยารักษาตามแนวทางการดูแลผู้ป่วย ตลอดจนกำชับให้บุคลากรในพื้นที่เฝ้าระวังการระบาดอย่างใกล้ชิด และติดตามผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนจากโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจพบมากขึ้นในช่วงสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
