ธนาคารกรุงเทพ สร้าง 47 ผู้นำรุ่นใหม่ที่พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ธุรกิจสีเขียว จากหลักสูตร “Green Transition Academy รุ่นที่ 1” ด้วยองค์ความรู้ และเครื่องมือจัดการพลิกแผนธุรกิจรับเทรนด์ ESG และการเติบโตของตลาดคาร์บอนเครดิตโลกได้ทั้งห่วงโซ่อุปทาน ด้านผู้เรียนเตรียมนำความรู้ปรับแผนธุรกิจ ลดต้นทุน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คว้าโอกาสการแข่งขันอย่างยั่งยืน

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวในพิธีปิดโครงการ “Green Transition Academy รุ่นที่ 1” ว่า โครงการฯ นี้ได้สร้าง 47 ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง สู่การเป็นธุรกิจสีเขียว โดยตลอดระยะเวลา 9 สัปดาห์ ได้เห็นเครื่องมือ แนวคิด และกลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้กับองค์กรได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านกฎหมาย เทคโนโลยีพลังงานสะอาด คาร์บอนเครดิต หรือห่วงโซ่อุปทานสีเขียว โดยการใช้ประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตจะเป็นโอกาสใหม่ของภาคธุรกิจไทย เพราะคาดว่าภายในปี 2573 ตลาดคาร์บอนเครดิตภาคสมัครใจในระดับโลกจะขยายตัวเกิน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นักลงทุนสถาบันทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับการประกอบธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืน หรือ ESG มากยิ่งขึ้น บริษัทที่มีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีจะได้รับความเชื่อมั่นมากกว่า สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอัตราที่ดีกว่า และได้เปรียบในการแข่งขัน
“ธนาคารเชื่อมั่นว่า การเปลี่ยนผ่านไม่ใช่ต้นทุน แต่คือการลงทุนระยะยาว ที่จะสร้างองค์กรให้แข็งแกร่งขึ้น และแข่งขันได้ดียิ่งขึ้นในตลาดโลก โดยธนาคารในฐานะ “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” พร้อมยืนเคียงข้างทุกท่านตลอดเส้นทางแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนด้านสินเชื่อและบริการทางการเงินที่เหมาะสม เช่น สินเชื่อบัวหลวงกรีน หรือโซลูชันอื่น ๆ เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถลงทุนในโครงการที่ยั่งยืนได้อย่างมั่นใจ” นายชาติศิริ กล่าว
ด้านนางสาวทิพย์นภา ดำรงวัฒนโภคิน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ฮูเวอร์อุตสาหกรรม (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในผู้เรียนหลักสูตร “Green Transition Academy รุ่นที่ 1” และได้รับรางวัล ชนะเลิศการประกวด “Green Transition Strategy Awards” ด้วยแผนการลดก๊าซเรือนกระจก กล่าวว่า บริษัท ฮูเวอร์อุตสาหกรรม (ประเทศไทย) จำกัด เป็นหนึ่ง ในผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องสำอางครบวงจรรายใหญ่ของไทย ซึ่งเดินหน้าปรับตัวเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การเลือกใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดของเสียในกระบวนการผลิต ซึ่งการปรับเปลี่ยนไปสู่ธุรกิจสีเขียวไม่ได้เป็นเพียงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ แต่เป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่สำคัญ ที่จะทำให้องค์กรสามารถแข่งขันได้ในระดับสากลอย่างยั่งยืน เพราะลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะแบรนด์ใหญ่ ๆ มีการกำหนดนโยบายด้านความยั่งยืน ที่เข้มงวดขึ้นทุกปี หากผู้ผลิตไม่สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ ก็จะสูญเสียโอกาสในการเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานโลก ในอีกมุมหนึ่ง การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมสีเขียวยังเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ที่น่าสนใจอีกด้วย
“หลักสูตรนี้ทำให้เรามองเห็นภาพรวมเชิงระบบในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกว่า เราสามารถจัดการหรือปรับปรุงขั้นตอนเหล่านั้นได้อย่างไรบ้าง เช่น การลงทุนในพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีการผลิต การปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักร, การวิจัยและพัฒนาวัสดุทดแทน โดยเน้นไปที่วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% หรือทำจากวัสดุชีวภาพ (Bio-based materials) ที่ลดการพึ่งพาทรัพยากรฟอสซิล เนื่องจากบรรจุภัณฑ์เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคและเจ้าของแบรนด์ทั่วโลกใช้พิจารณาเรื่องความยั่งยืนในปัจจุบัน เราสามารถนำความรู้ด้าน Carbon Accounting มาต่อยอดโดยการจัดทำ Carbon Footprint Label สำหรับผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะช่วยสร้างความโปร่งใสและเพิ่มความน่าเชื่อถือในสายตาลูกค้า ตลอดจนสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของเราในตลาดที่มีการแข่งขันสูง” นางสาวทิพย์นภา กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมประกาศรางวัลกลุ่มที่ชนะในการประกวด “Green Transition Strategy Awards” ภายใต้หัวข้อRace to Net Zero: Executive Strategy Challenge เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเขียนแผนกลยุทธ์การลดก๊าซเรือนกระจกจากบริบทองค์กรของตนเอง พร้อมรับคำแนะนำจาก บริษัท อีอาร์เอ็ม-สยาม จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการสามารถนำแผน และคำแนะนำที่ได้รับไปต่อยอดเป็นแผนการลดก๊าซเรือนกระจกขององค์กรที่นำไปประยุกต์ใช้ได้จริง โดยบริษัทตัวแทนกลุ่มที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ กลุ่มบริษัท ฮูเวอร์อุตสาหกรรม (ประเทศไทย) จำกัด และ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ร่วม ได้แก่ กลุ่มบริษัท แพค คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด และ กลุ่มบริษัท อกรีแอค โกลบอล จำกัด
Symbol: BBL