กทม. ปรับระบบชำระค่าโดยสารรถ BRT รองรับสังคมไร้เงินสด เตรียมเพิ่มสถานีใหม่ 4 จุด คาดเสร็จต้นปี 69

นายสิทธิพร สมคิดสรรพ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการรถโดยสารด่วนพิเศษ (BRT) ว่า สจส. ได้ดำเนินโครงการพัฒนาระบบการเดินรถ BRT โดยใช้รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV) ให้บริการประชาชนในเส้นทางสายช่องนนทรี–ราชพฤกษ์ พร้อมปรับเปลี่ยนรูปแบบการชำระเงินค่าบริการให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตสังคมเมืองและนโยบายของรัฐในการขับเคลื่อนไปสู่สังคมไร้เงินสด ประชาชนสามารถซื้อบัตรโดยสารและชำระค่าโดยสารได้หลายวิธี อาทิ การซื้อผ่าน Application Line OA : @brteticket การซื้อตั๋วผ่านตู้จำหน่ายตั๋วออนไลน์ (Top up kiosk) ที่ติดตั้งตามสถานี และการใช้บัตร Rabbit Card แตะเพื่อชำระค่าโดยสาร รวมถึงการสแกน QR Code ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ โดยภายในรถโดยสารทุกคันได้ติดตั้งเครื่องชำระค่าโดยสารในรูปแบบดิจิทัล (BUS Validator) 2 จุด รองรับการสแกนบัตรและการชำระเงินแบบดิจิทัล

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสุ่มตรวจการชำระค่าโดยสารรถ BRT โดยกำหนดแผนการสุ่มตรวจเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อประเมินและติดตามการชำระค่าโดยสาร หากพบกรณีที่ผู้โดยสารไม่ชำระค่าโดยสาร หรือใช้บัตรโดยสารผิดประเภท จะถูกปรับเป็นเงิน 20 เท่าของอัตราค่าโดยสารสูงสุด และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ขณะที่ความถี่การเดินรถในช่วงเร่งด่วนเช้า (07.00–08.30 น.) และเย็น (18.00–19.30 น.) กำหนดไว้ที่ทุก 7 นาที ส่วนช่วงนอกเวลาเร่งด่วนใช้ความถี่ที่ 15–20 นาที โดย สจส. จะรวบรวมข้อมูลผู้โดยสาร เพื่อประเมินความคุ้มค่าในการปรับเพิ่มความถี่การเดินรถในอนาคต

ส่วนความคืบหน้าการปรับปรุงสถานีรถ BRT ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงานตามสัญญา ซึ่ง ณ วันที่ 29 ก.ย. 68 มีความก้าวหน้าของงานก่อสร้างแล้วร้อยละ 48.67 เร็วกว่าแผนงานร้อยละ 3.78 โดย สจส. คาดว่าโครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือน ม.ค. 69 ตามแผนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ โครงการได้ก่อสร้างเพิ่มจำนวนสถานีรถโดยสารอีก 2 จุด รวม 4 สถานี ได้แก่ บริเวณแยกจันทร์ – นราธิวาสฯ 2 สถานี (ทั้งขาเข้าและขาออก) และบริเวณแยกรัชดาฯ – นราธิวาสฯ อีก 2 สถานี (ทั้งขาเข้าและขาออก) เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะของประชาชนและเพิ่มจุดเชื่อมต่อการเดินทาง ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น ซึ่งจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ และเมื่อการดำเนินโครงการแล้วเสร็จ กทม. จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ใช้บริการและประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบต่อไป

ที่มา: กรุงเทพมหานคร