กทม. เข้มตรวจประเมินกิจการใช้สารเคมี-วัตถุอันตราย เพิ่มความปลอดภัยคนกรุง

นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมภายหลังเกิดเหตุแอมโมเนียรั่วไหลในโรงน้ำแข็ง ซอยรามอินทรา 8 เขตลาดพร้าว ว่า สนอ. และเจ้าหน้าที่กลุ่มจัดการสารเคมีและวัตถุอันตรายในสถานประกอบการ ร่วมกับสำนักงานเขตลาดพร้าว สำนักงานเขตบางเขน ศูนย์บริการสาธารณสุข 24 บางเขน ศูนย์บริการสาธารณสุข 66 ตำหนักพระแม่กวนอิม เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม และตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ได้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุแอมโมเนียรั่วไหลในโรงงานผลิตน้ำแข็ง ซอยรามอินทรา 8 เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 68 พบว่า มีถังแอมโมเนียเกิดแรงดันสูงผิดปกติส่งผลให้ระบบควบคุมแรงดันอัตโนมัติระบายแรงดันภายในถังออก เพื่อลดระดับแรงดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และป้องกันไม่ให้ถังแอมโมเนียระเบิด จึงทำให้ปล่อยแอมโมเนียออกสู่ภายนอกตัวถัง โดยช่างประจำห้องเครื่องได้ปิดทันทีที่มีการแจ้งเตือนของเครื่องตรวจวัดปริมาณแอมโมเนียของโรงงาน ผลการตรวจสอบความเข้มข้นของแอมโมเนียในบรรยากาศ โดยใช้เครื่องตรวจวัดก๊าซพิษในบรรยากาศ (Toxic gas) ชนิดอ่านค่าได้ทันที 4 จุด ได้แก่ บริเวณภายในโรงงาน บริเวณด้านนอกโรงงาน (ติดกับหมู่บ้านรสาสแปนิช) บริเวณด้านนอกโรงงาน (ติดกับวัดไตรรัตนาราม) และภายในห้องเครื่องระบบทำความเย็น พบว่า มีค่าความเข้มข้นของแอมโมเนียเท่ากับ 2 ส่วน   ในล้านส่วน (ppm) โดยค่าขีดจำกัดการรับสัมผัสสารเคมีทางการหายใจแบบเฉียบพลันของแอมโมเนีย ระดับ 1 กำหนดไว้เท่ากับ 30 ส่วนในล้านส่วน ซึ่งค่าที่ตรวจวัดได้ไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด (ตามประกาศกรมควบคุมมลพิษ เรื่อง ค่าขีดจำกัดการรับสัมผัสสารเคมีทางการหายใจแบบเฉียบพลัน ลงวันที่ 9 ก.พ.61) ทั้งนี้ สนอ. ได้มอบสื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการป้องกันอุบัติภัยจากการใช้สารแอมโมเนียให้กับผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตฯ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง พร้อมแนะนำและกำชับให้ผู้ประกอบการดำเนินการฝึกซ้อมตามแผนฉุกเฉินฯ เป็นประจำ

นอกจากนี้ สนอ. ได้จัดสำรวจและตรวจประเมินสถานประกอบกิจการที่มีการจัดเก็บ การผลิต การสะสม การขนส่ง และการใช้สารเคมีและวัตถุอันตราย ในรูปแบบการบูรณาการทีมตรวจร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย สนอ. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และกรมธุรกิจพลังงาน เพื่อเฝ้าระวังความเสี่ยงภัยจากสารเคมีและวัตถุอันตราย โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สนอ. ได้กำหนดแผนตรวจสอบสถานประกอบกิจการผลิตน้ำแข็งที่ใช้แอมโมเนียในระบบทำความเย็นในพื้นที่กรุงเทพฯ พร้อมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำกับดูแลและควบคุมให้สถานประกอบกิจการที่มีการจัดเก็บ การผลิต การสะสม การขนส่ง และการใช้สารเคมีและวัตถุอันตรายให้บริหารจัดการความเสี่ยงภัยด้านสารเคมีและวัตถุอันตรายถูกต้องตามหลักวิชาการและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความเสี่ยงภัยจากสารเคมีและวัตถุอันตราย รวมถึงมีเครือข่ายในการทำงานเวลาเกิดอุบัติภัยสารเคมี

นายนภพล มนต์มนัสสิทธิ ผู้อำนวยการเขตลาดพร้าว กทม. กล่าวว่า จากการตรวจสอบสาเหตุการรั่วเกิดขึ้นในระบบของเครื่องจักรในการผลิตน้ำแข็ง โดยช่างประจำบริษัทได้ตรวจสอบรอยรั่วภายในระบบและปิดวาล์วเรียบร้อย ไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ สนอ. ตำรวจสอบสวนกลาง เจ้าหน้าที่จากกรมอนามัย และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม พบว่า ไม่มีประชาชนได้รับผลกระทบ ส่วนด้านสิ่งแวดล้อมไม่พบข้อมูลชัดเจนว่าส่งผลกระทบ สำหรับมาตรการความปลอดภัย โรงงานแจ้งว่าได้ดำเนินการตรวจสอบทุกวันและได้รับการตรวจจากหน่วยงานภายนอกในช่วงเดือน ธ.ค. ของทุกปี โดยโรงงานได้ขออนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ ได้สั่งการให้เพิ่มความถี่การตรวจวัสดุอุปกรณ์การผลิตให้ครอบคลุมทุกกระบวนการผลิต และจะเพิ่มความถี่การตรวจของเจ้าพนักงานสาธารณสุข เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำขึ้นอีก

ที่มา: กรุงเทพมหานคร