เต็ดตรา แพ้ค ได้รับการจัดอันดับในเกณฑ์สูงสุด พร้อมคว้ารางวัล PLATINUM จากการประเมินด้านความยั่งยืนโดย ECOVADIS

เต็ดตรา แพ้ค จัดอยู่ในกลุ่มบริษัทระดับ Top 1% ของโลก ที่ได้รับคะแนนสูงที่สุดจากการประเมินล่าสุดโดย EcoVadis

เต็ดตรา แพ้คได้รับการจัดอันดับด้านความยั่งยืนระดับสูงสุดจาก EcoVadis พร้อมคว้าตำแหน่งอันทรงเกียรติในระดับ Platinum จากการประเมินที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก การได้รับเกียรติเช่นนี้บ่งบอกถึงผลงานคุณภาพของระบบบริหารจัดการด้านความยั่งยืนของบริษัทตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า และทำให้เต็ดตรา แพ้คจัดอยู่ในกลุ่ม Top 1% ท่ามกลางบริษัทชั้นนำทั่วโลกกว่า 130,000 รายที่เข้ารับการประเมิน[1] ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญของบริษัทในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน

ในการประเมินครั้งนี้ เต็ดตรา แพ้คได้รับคะแนนรวมอยู่ที่ 84 จาก 100 คะแนน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 10 คะแนน ความสำเร็จที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางของเต็ดตรา แพ้คในการผสานความยั่งยืนเข้ากับการดำเนินงานทางธุรกิจ ที่มาพร้อมความมุ่งมั่นในการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส[2] ในทั้ง 4 หมวดการประเมินของ EcoVadis อันได้แก่ สิ่งแวดล้อม แรงงานและสิทธิมนุษยชน จริยธรรม และ การจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน

ความสำเร็จดังกล่าวยังสอดคล้องกับเป้าหมายของ เต็ดตรา แพ้ค ที่ต้องการทำให้อาหารปลอดภัย มีพร้อมสำหรับการบริโภคในทุก ๆ ที่ทั่วโลก พร้อมไปกับการปกป้องทุกคุณค่า ทั้งอาหาร ผู้คน และโลกของเรา ซึ่งถอดความหมายออกมาได้เป็นแนวทาง 5 มิติที่บูรณาการซึ่งกันและกัน อันประกอบด้วย ระบบอาหาร สภาพภูมิอากาศ ธรรมชาติ การหมุนเวียนทรัพยากร และความยั่งยืนทางสังคม ในการดำเนินงานด้านความยั่งยืน บริษัทได้ดำเนินการอย่างครอบคลุมตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า โดยทำงานอย่างใกล้ชิดกับทั้งซัพพลายเออร์ ลูกค้า และผู้มีส่วนได้เสียต่าง ๆ เพื่อปลูกฝังแนวทางความยั่งยืนในทุกส่วนของธุรกิจ โดยเฉพาะในปี 2567 ที่บริษัทได้จัดตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนความเป็นเลิศด้านความยั่งยืน (Sustainability Excellence Team) ขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพขององค์กรทั้งด้านกระบวนการทำงาน ระบบ ข้อมูล และบุคลากร พร้อมไปกับการผสานความยั่งยืนให้รวมอยู่ในการดำเนินงานประจำวันอย่างเต็มที่มากขึ้น

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ คือการที่บริษัทมุ่งมั่นค้นหาปัจจัยและโอกาสที่จะสามารถยกระดับความโปร่งใสและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อผลักดันความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่า ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2567 โครงการ “Join Us in Protecting the Planet” ของ เต็ดตรา แพ้ค ได้ให้การสนับสนุนซัพพลายเออร์ทั้งหมด 29 ราย ในการกำหนดเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศที่ได้รับการรับรองตามหลักวิทยาศาสตร์ (Science-based targets) ควบคู่ไปกับการประกาศใช้ “จรรยาบรรณทางธุรกิจสำหรับซัพพลายเออร์” ฉบับใหม่ ซึ่งระบุข้อกำหนดที่ชัดเจนเกี่ยวกับการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ ความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบ ผลของการดำเนินงานภายใต้โครงการดังกล่าว ทำให้บริษัทสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากวัตถุดิบที่จัดซื้อได้ลงได้กว่า 15% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2562 อันเป็นผลจากการปรับปรุงวิธีการจัดสรรปริมาณวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างบริษัทกับซัพพลายเออร์ในโครงการดังกล่าว[3]

ลาร์ส ฮอล์มควิสต์ รองประธานกรรมการบริหารของ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค กล่าวว่า “ความสำเร็จในครั้งนี้เป็นผลมาจากความทุ่มเทอย่างจริงจังของบุคลากรทุกคนในเต็ดตรา แพ้ค ที่ร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนร่วมไปกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราตลอดห่วงโซ่คุณค่า การที่เราได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับ Platinum จาก EcoVadis ในครั้งนี้ ชี้ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง และความตั้งใจที่จะนำเอาแนวทางด้านความยั่งยืนมาปรับใช้ในทุกมิติของการดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทานของเรา”

ที่มา: Vero