นีโอ ก้าวข้ามเป้าหมาย ลดใช้ Virgin Plastic ได้แล้ว 22% เทียบเท่าขวดน้ำพลาสติก 85 ล้านขวด เดินหน้าเต็มกำลังสู่ Carbon Neutral

บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) หรือ NEO ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการลดปริมาณการใช้พลาสติกบริสุทธิ์ (Virgin Plastic) ได้ถึง 22% จากเป้าหมายที่วางไว้ 20% ภายในปี 2568 เร็วกว่ากำหนด ถึง 6 เดือน เทียบเท่าลดขยะขวดน้ำพลาสติกกว่า 85 ล้านขวด สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืน และเดินหน้าก้าวสู่เป้าหมาย Carbon Neutral ภายในปี 2593 ตอกย้ำวิสัยทัศน์ผู้นำด้านนวัตกรรมสินค้า FMCG ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

นางกัสมา ธรฤทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาบรรจุภัณฑ์และพัฒนาองค์กรเพื่อความยั่งยืน บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “NEO เชื่อมั่นเสมอว่าการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนคือหัวใจสำคัญของการสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า ไม่ใช่เพียงเพื่อตัวองค์กร แต่เพื่อผู้บริโภคและโลกของเรา ความสำเร็จในการ ลดการใช้ Virgin Plastic ได้ถึง 22% (ยอดสะสมตั้งแต่ปี 2563 – 2568) ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 20% ภายในปี 2568 ไปแล้วล่วงหน้าถึงครึ่งปี นับเป็นความสำเร็จจากความทุ่มเทของทุกฝ่ายในองค์กร ที่ร่วมกันผลักดันสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม”

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดการใช้ Virgin Plastic ที่เร็วกว่ากำหนด คือการเปลี่ยนมาใช้พลาสติกรีไซเคิลประเภท rHDPE (Recycled High-Density Polyethylene) ซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับพลาสติกบริสุทธิ์ ทั้งในด้านความทนทานและประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรใหม่ ลดปริมาณขยะพลาสติก และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกระบวนการผลิตของ rHDPE ใช้พลังงานน้อยกว่าพลาสติกใหม่

“เราใช้เวลามากกว่า 5 ปี ในการศึกษาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์โครงสร้างบรรจุภัณฑ์อย่างละเอียด เพื่อให้ใช้วัสดุอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งยังพิจารณาความเหมาะสมกับสายการผลิต ต้นทุน และทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์อย่างใกล้ชิด ความสามารถในการปรับตัวของทีมงาน รวมถึงการเกาะติดแนวโน้มตลาดและเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นสิ่งที่ทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้เร็วกว่าที่คาดไว้” นางกัสมา กล่าวเสริม

ตั้งแต่ปี 2563 ถึงไตรมาส 2 ปี 2568 NEO ลดการใช้ Virgin Plastic ได้รวมทั้งสิ้น 1,698 ตัน เทียบเท่าการนำขวดน้ำพลาสติกขนาด 600 มิลลิลิตร ออกจากระบบได้มากถึง 84,900,000 ขวด หรือระยะทางเรียงต่อกันยาวถึง 16,980 กิโลเมตร สะท้อนผลกระทบเชิงบวกที่ NEO สร้างขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมา NEO ได้เริ่มต้นความสำเร็จด้วยการใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิล 100% กับผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ BeNice หลายรายการ และมีแผนขยายไปยังแบรนด์ D-nee และ Vivite ต่อไป

โดยในระยะยาว NEO มุ่งเน้นพัฒนาโครงสร้างบรรจุภัณฑ์ที่ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า แข็งแรง ลดของเสียในกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์ รวมถึงนำเทคโนโลยี Bi-injection มาใช้กับฝาบรรจุภัณฑ์ เพื่อลดการใช้สีและเพิ่มประสิทธิภาพการรีไซเคิลให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ NEO ยังเดินหน้าอย่างจริงจังตามเป้าหมายยกเลิกการใช้ PVC ในบรรจุภัณฑ์ภายในปี 2568 โดยขณะนี้สามารถยกเลิกใช้ PVC ในฝาขวด สเปรย์ และปั๊มได้แล้วถึง 86% ฉลากสินค้า 57% และบรรจุภัณฑ์รวมหน่วย 11% ตามลำดับ

พร้อมกันนี้ NEO ยังตอกย้ำจุดยืนด้านความยั่งยืนผ่านฉลาก “NEO Care” บนบรรจุภัณฑ์ ภายใต้แนวคิด “Innovation from Core to Care – คิดดีเพื่อโลก นวัตกรรมดีเพื่อคุณ” ควบคู่กับการปรับมุมมองการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยหลักคิด “4 Re + 1 Up” ซึ่งเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์แบบเติม (Refill), การลดการใช้ทรัพยากร (Reduce), การนำกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse), การรีไซเคิล (Recycle) และการเพิ่มมูลค่าให้วัสดุเหลือใช้ (Upcycle) ในอีกด้านหนึ่ง NEO ยังส่งต่อพลังแห่งความ “Care” สู่สังคม ผ่านโครงการ “NEO CARE COMMUNITY พื้นที่เพื่อชุมชนยั่งยืน” ที่มุ่งเสริมศักยภาพและสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในทุกมิติ

“ทุกความสำเร็จในวันนี้ คือบทพิสูจน์ว่า NEO มุ่งมั่นสร้างการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ ทั้งต่ออุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม และผู้บริโภค ด้วยพลังแห่งนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยหัวใจแห่งความยั่งยืน ภายใต้วิถี sustainNEOvation และเป้าหมายใหญ่สู่ Carbon Neutral ปี 2593” นางกัสมา กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา: โอกิลวี่ (ประเทศไทย)

Symbol: NEO